วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560

ลักษณะสมุนไพรหมามุ่ย

หมามุ่ย ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อ หมามุ่ย
ชื่ออื่นๆ บะเหยือง หม่าเหยือง (ภาคเหนือ) ตำแย (ภาคกลาง) โพล่ยู (กะเหรี่ยงกาญจนบุรี) กลออือแซ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mucuna pruriens (Linn.) DC.
ชื่อสามัญ/ชื่ออังกฤษ Cowitch
วงศ์ LEGUMINOIDEAE

ถิ่นกำเนิดหมามุ่ย

หมามุ่ยเป็นพืชที่มีถิ่นเกิดในเขตโซนร้อน (tropical) ต่างๆของโลกในทวีปแอฟริการวมทั้งเอเชีย โดยในทวีปเอเชียสามารถพบหมามุ่ยได้ในประเทศ ไทย ประเทศอินเดีย จีน ประเทศพม่า ลาว กัมพูชา ฯลฯ และมักจะมีชื่อเรียกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ ซึ่งหมามุ่ยในโลกนี้ มีมากไม่น้อยเลยทีเดียวนับร้อยสายพันธุ์ แต่ก็ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์เดียวกัน

ลักษณะทั่วไปของหมามุ่ย

หมามุ่ยจัดเป็น ไม้ล้มลุกฤดูเดียว มีเถาเลื้อย ยาว 2-10 เมตร มีขนหนาแน่น ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ ใบย่อยมี 3 ใบ ที่ปลาย รูปไข่หรือรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ใบกลางมักมีขนาดใหญ่ที่สุด กว้าง 3-10 เซนติเมตร ยาว 5-15 ซม. แผ่นใบทั้งสองด้านมีขนสีเทาปกคลุม ฐานใบเบี้ยว ปลายใบมนหรือมีติ่งแหลม ขอบใบเรียบ เส้นกลางใบมี 3 เส้น ดอกออกเป็นช่อกระจะที่ซอกใบ ห้อยลงมา ยาว 15-30 ซม. ดอกสีม่วงคล้ำ มีกลิ่นเหม็นเอียน รูปดอกถั่ว ดอกย่อยมีเยอะแยะ ขนาดกว้าง 1-2 เซนติเมตร ยาว 2-4 เซนติเมตร กลีบกึ่งกลางรูปไข่ ปลายกลีบเว้า กลีบคู่ข้างรูปขอบขนานแกมรูปไข่ กลีบเลี้ยง โคนเชื่อมติดกันเป็นรูป ปลายแยกเป็น 5 กลีบ สีน้ำตาลอ่อน มีขนคล้ายเส้นไหมปกคลุม เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านเกสรเชื่อมกันเป็น 2 กรุ๊ป อับเรณูมีสองแบบ เกสรเพศเมียมีรังไข่รูปแถบ มีขนยาวสีเทา รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ผล เป็นฝักโค้งรูปขอบขนาน กว้าง 0.8-1 เซนติเมตร ยาว 5-9 ซม. ครึ้มโดยประมาณ 5 มม.  มีลักษณะม้วนงอที่ปลายฝัก ตามผิวมีขนสีน้ำตาลอมเหลืองหนาแน่น เป็นขนแข็งและก็สั้น พอฝักแห้งขนจะหลุดหล่นปลิวตามลมได้ง่าย เมื่อโดนผิวหนัง จะทำให้คัน ปวดแสบปวดร้อน เมล็ดมี 4-7 เม็ด สีดำวาว เจอตามชายเขา ดงไผ่ แล้วก็กลางแจ้งในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ มีดอกและติดผลราวเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม

ความแตกต่างของหมามุ่ยไทย แล้วก็หมามุ่ยประเทศอินเดีย หมามุ่ยไทยรวมทั้งหมามุ่ยอินเดียนั้นดูผิวเผินแล้วบางครั้งก็อาจจะคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความไม่เหมือนกันที่ฝักและเม็ด โดยสามารถดูได้ว่าหมามุ่ยประเทศอินเดียจะมีขนฝักสั้น เมื่อสัมผัสแล้วจะไม่มีอาการคัน และก็เมื่อแกะฝักออกมาแล้วเม็ดที่อยู่ข้างในจะมีสองสีสลับกัน ดำบ้างขาวบ้าง เวลาที่หมามุ่ยไทยนั้นจะมีขนฝักยาวและก็ถ้าเกิดสัมผัสก็จะทำให้กำเนิดอาการคันและก็ บางทีอาจกำเนิดอาการแพ้ได้ ดังนี้ขนาดฝักก็ยังเล็กมากยิ่งกว่าหมามุ่ยประเทศอินเดีย ส่วนสีของเม็ดจะเป็นสีดำสนิทขนาดคละกันไป

การขยายพันธุ์ของหมาหมุ่

หมามุ่ยสามารถปลูก และก็แพร่พันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด แต่ว่าโดยธรรมดาหมามุ่ยสามารถเจอได้ในป่าตามธรรมชาติ ทั้งป่ารกร้างแถบนอกเมืองหรือป่าเบญจพรรณ แล้วก็มักแพร่ขยายเป็นหย่อมทั่วรอบๆที่พบ หมามุ่ยเป็นพืชเถาที่เติบโตเจริญในทุกดิน มีความทนทานต่อภาวะแห้ง แต่เกลียดชังพื้นที่ดินเปียกแฉะ และมีน้ำขัง  การปลูกจะใช้แนวทางการเพาะเม็ดในถุงเพาะชำก่อน 1-2 เดือน แล้วนำลงแปลงปลูกลงในระยะระหว่างต้น 2 x 2 เมตร หลังปลูกเสร็จต้องทำค้างด้วยไม้ไผ่รอบหลุมปลูก เส้นผ่านศูนย์กลางราว 1-1.5 เมตร สูงราว 1.5 เมตร ส่วนของหมามุ่ยที่ประยุกต์ใช้ประโยชน์ คือ เมล็ดแก่ ซึ่งจะต้องเก็บเม็ดในระยะฝักแก่ ซึ่งช่วงนี้เถาจะมีใบเหลือง ฝักมีสีน้ำตาลอมแดง ซึ่งสามารถเก็บได้อีกทั้งฝักดิบแก่รวมทั้งฝักแก่แห้ง  สำหรับในประเทศไทยสายพันธุ์ที่พบจะเป็นกลุ่มไม้ป่า Mucuna pruriens (L.) DC.  (Cultivar group Pruriens)ซึ่งจะมีขนพิษปกคลุมที่ฝัก นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการคันเมื่อสัมผัส ส่วนกรุ๊ปที่เป็นไม้ปลูก Mucuna pruriens (L.) DC.  (Cultivar group Utillis) จะไม่มีขนพิษที่ฝักและไม่มีการปลูกภายในเมืองไทย

องค์ประกอบทางเคมีเมล็ด 

พบสาร L-dopa หรือ L-3,4- dihydroxyphenylalanine สารกลุ่มอัลคาลอยด์ เช่น prurienine, prurienidine, nicotine,  leeihun, gallic acid, tryptamineขน พบสาร serotonin และเอนไซม์ที่ทำให้ระคายเคืองผิวหนัง เช่น proteinase, mucanain

สรรพคุณ/การใช้ประโยชน์ของหมามุ่

แบบเรียนยาไทย เม็ด ปรุงเป็นยาแก้ไข้ ขับปัสสาวะ บำรุงประสาท ฝาดสมาน รักษาโรคชาย กระตุ้นกำหนัด กระตุ้นรวมทั้งเพิ่มความสามารถทางเพศชาย ราก ขับเยี่ยวอย่างแรง ใบ เป็นยาพอกแผล  ขน จากฝักนำมาซึ่งการระคายเคืองอย่างแรง ทำให้คันและก็เป็นผื่นแดง ปวดและก็บวม   

ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้ไม่เมื่อยล้าง่าย ช่วยให้ร่างกายสดชื่นขมีขมัน เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าช่วยให้นอนสบาย อารมณ์ดีแจ่มใสช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศให้ดีเลิศยิ่งขึ้นช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำเชื้อ และก็ช่วยปรับให้คุณภาพของน้ำอสุจิให้ดีเลิศยิ่งขึ้นช่วยความเครียดลดลงช่วยเพิ่มการเผาไหม้และมวลของกล้ามเนื้อ   คนภูเขาเผ่าอีก้อ ใช้ ใบ  ตำคั้นน้ำ ทา หรือพอก รักษาอาการไฟลุกน้ำร้อนลวก

หมามุ่ยมีปรากฏอยู่ในแบบเรียนเภสัชตำรับอายุรเวทของประเทศอินเดียว่ามีมีการนำเม็ดและก็รากมาใช้ทำยาโดยบอกว่าเม็ดมีคุณประโยชน์สำหรับการรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในขนาดกิน 3-6 กรัม รวมทั้งยังมีการประยุกต์ใช้กับโรคพาร์กินสันอีกด้วย

นอกเหนือจากนั้นในเมล็ดของหมามุ่ยจะมีสาร L-dopaหรือ L-3,4- dihydroxyphenylalanine อยู่จำนวนสูง ซึ่งถูกเอามาสร้างเพื่อกิจการค้าสำหรับการรักษาโรคพาร์กินสัน ซึ่งสาร L-dopa นี้เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาท dopamine ซึ่งส่งผลต่อสมองส่วนต่างๆในหลายทาง โดยยิ่งไปกว่านั้นการควบคุมการเคลื่อนไหว รวมทั้งยังมีผลทำให้ความดันเลือดต่ำลงอีกด้วย

หมามุ่ยมีประวัติการนำมาใช้เป็นอาหารในบางประเทศ ดังเช่นว่า ประเทศอินเดีย มีการนำเม็ดมาต้มน้ำหลายๆครั้งก่อนนำมากินเพื่อกำจัดสารต่อต้านโภชนาการ(anti-nutritional factors) ประเทศกัวเตมาลารวมทั้งเม็กซิโก มีประวัติการนำมาอบและก็บดใช้รับประทานแทนกาแฟ ใบใช้เป็นของกินเลี้ยงสัตว์ ฯลฯอย่างไรก็ตาม มีหลายประเทศที่จัดหมามุ่ยเป็นพืชที่ต้องระมัดระวังในการใช้ ดังจะเห็นได้จากการที่หมามุ่ยมีปรากฏอยู่ในรายชื่อพืชที่มีแถลงการณ์ว่าประกอบด้วยสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งอาจไม่ปลอดภัยต่อร่างกายของคนเราเมื่อใช้ในของกินหรือผลิตภัณฑ์เสริมของกิน (Compendium of botanicals reported to contain naturally occurring substances of possible concern for human health when used in food and food supplements) ที่คณะทำงานร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ของ EFSA (European Food Safety Authority Scientific Cooperation Working Group) ได้จัดเก็บรวบรวมขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินความปลอดภัยของอาหารแล้วก็สินค้าเสริมอาหารที่มีพืชพวกนี้เป็นส่วนประกอบ

รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้หมามุ่ย

แก้พิษแมงป่องกัดโดยตำเม็ดหมามุ่ยให้เป็นผงแล้วผสมน้ำเล็กน้อยใช้พอกบริเวณที่ถูกกัด แก้ไอโดยใช้รากหมามุ่ยผสมกับรากมะเขือขื่นแช่น้ำรับประทาน หรือนำรากหมามุ่ยมาต้มกับน้ำแล้วดื่มน้ำก็จะแก้อาการไอได้ ช่วยแก้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้าตามร่างกาย บอบช้ำใน ด้วยการใช้รากหมามุ่ย 1 โล เม็ดผักกาด 5 ขีด และเมล็ดผักชี 3 ขีด เอามาตำรวมกันจนถึงเป็นผุยผงแล้วผสมน้ำผึ้งป่าหมักทิ้งเอาไว้ 3 เดือน แล้วประยุกต์ใช้กินก่อนนอน (ขนาดเท่าผลมะพวง) โดยที่กล่าวมานี้เป็นต้นแบบรวมทั้งวิธีการใช้ในตำราเรียนโบราณแค่นั้น สำหรับการควบคุมผลิตภัณฑ์จากเมล็ดหมามุ่ยตามกฎหมายในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยังไม่มีการอนุญาตเม็ดหมามุ่ยเป็นเสริมของกินแม้กระนั้นมีการอนุญาตขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนโบราณในสูตรผสมมีเมล็ดหมามุ่ยและสมุนไพรอื่นๆสำหรับสรรพคุณบำรุงร่างกายเท่านั้น

การศึกษาทางเภสัชวิทยา

หมามุ่ยที่มีการเอามาทำการศึกษาเรียนรู้ในตอนนี้รวมทั้งส่งผลการศึกษาเรียนรู้ที่ออกมานั้น เป็นหมามุ่ยสารพัดธุ์ประเทศอินเดียและก็สายพันธุ์จีน ส่วนสายพันธุ์ของไทยนั้น ยังไม่มีการนำมาศึกษาวิจัยอะไร โดยการวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ของหมามุ่ยต่อความสามารถทางเพศในสัตว์ทดลองพบว่า การป้อนหนูแรทเพศผู้ด้วยสารสกัดเอทานอลเมล็ดหมามุ่ยที่ความเข้มข้น 200 มก./กก.ของน้ำหนักตัว วันละครั้ง ตรงเวลา 21 - 45 วัน สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของหนูได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งส่งผลทำให้ความประพฤติทางเพศของหนูเปลี่ยนไป โดยมีพฤติกรรมการจับคู่และก็การขึ้นคร่อมตัวเมียถี่ขึ้น และมีระยะเวลาสำหรับในการเริ่มสอดใส่อวัยวะเพศหนแรกกระทั่งหลั่งน้ำกาม (ejaculation latency, EL) นานขึ้น ยิ่งไปกว่านี้การเล่าเรียนทางคลินิกในประเทศประเทศอินเดียกับอาสาสมัครเพศชายที่มีสภาวะจำนวนสเปิร์มน้อย และก็สเปิร์มมีการเคลื่อนไหวไม่ดีเหมือนปกติ โดยให้อาสาสมัครดื่มนมที่ผสมกับผงบดเม็ดหมามุ่ยขนาด 5 กรัม วันละครั้ง ตรงเวลา 3 เดือนพบว่า ค่าความเข้มข้นของสเปิร์ม แล้วก็การเคลื่อนไหวของสเปิร์มเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และก็มีค่าแทบเสมอกันกับอาสาสมัครที่มีร่างกายแข็งแรง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมล็ดหมามุ่ยมีคุณภาพสำหรับเพื่อการช่วยทำให้ปรุงคุณภาพน้ำอสุจิให้ดีขึ้นได้  แม้กระนั้นก็เป็นที่น่าสนใจว่าเมื่อนำผงบดของเม็ดหมามุ่ยมาทดสอบในหนูแรทเพศภรรยา กลับส่งผลทำให้พฤติกรรมทางเพศมีแนวโน้มต่ำลง พูดอีกนัยหนึ่ง มีพฤติกรรมการจับคู่กับหนูตัวผู้ต่ำลง รวมทั้งไม่ยอมรับการรับการผสมพันธุ์จากหนูเพศผู้ (5) ชี้ให้เห็นว่าการรับประทานเม็ดหมามุ่ยอาจได้ผลแตกต่างกันในระหว่างเพศชายและก็หญิง นอกนั้นสารสกัดที่ได้จากราก ลำต้น แล้วก็เม็ด มีฤทธิ์ลดความดันเลือดให้ลดน้อยลง มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด รวมทั้งช่วยรักษาโรคโรคเบาหวานรวมทั้งมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของต่อมลูกหมากได้

การศึกษาทางพิษวิทยาของหมามุ่ย

การศึกษาความเป็นพิษรุนแรงแล้วก็กึ่งกระทันหันของของเมล็ดหมามุ่ย พบว่า เมื่อให้ผงเม็ดหมามุ่ยทางปากแก่หนูถีบจักรเพศผู้ พบว่าขนาดของผงเมล็ดหมามุ่ยทางปากสัตว์ทดสอบตายครึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากยิ่งกว่า 1600 มิลลิกรัม/กก.(น้ำหนักตัว) และก็เมื่อให้ผงเมล็ดหมามุ่ยทางปากกับกระต่ายจำนวน 10 ตัว ในขนาด 70 มก./กิโลกรัม(น้ำหนักตัว)/วัน ต่อเนื่องกันตรงเวลา 90 วัน ไม่พบความผิดปกติที่แลเห็นด้วยตาเปล่ารวมทั้งค่าทางโลหิตวิทยาอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกระต่ายกลุ่มควบคุม แม้การเรียนรู้ความเป็นพิษทันควันรวมทั้งกึ่งกะทันหันของเมล็ดหมามุ่ยจะไม่พบความแปลกในสัตว์ทดลอง แต่ว่ามีการเรียนรู้ความเป็นพิษต่อไตของเม็ดหมามุ่ยสายพันธุ์ M. pruriens var. utilis 2 ชนิดเป็นประเภทที่ยังมิได้ปรุงสุกเปรียบเทียบกับประเภทที่ทำให้สุกโดยการต้มนาน 30 นาที ในหนูแรท โดยผสมในอาหารปริมาณร้อยละ 10, 20 และก็ 50 ตรงเวลา 4 สัปดาห์ เทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับอาหารปกติพบว่าค่ายูเรีย (urea) และครีแอทินิน (creatinine) ในเลือดสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุมรวมทั้งเพิ่มขึ้นตามจำนวนของเม็ดหมามุ่ย นอกเหนือจากนั้นยังพบว่ากรุ๊ปที่ได้รับผงหมามุ่ยปรุงสุกมีค่ายูเรีย (urea) และก็ครีแอทินิน (creatinine) ในเลือดต่ำยิ่งกว่ากรุ๊ปที่ได้รับผงดิบ จึงบางทีอาจสรุปได้ว่าการบริโภคเม็ดหมามุ่ยอาจจะทำให้เกิดความเป็นพิษต่อไตโดยขึ้นกับขนาดที่นาดกิน แล้วก็ความเป็นพิษอาจลดลงเมื่อทำให้เม็ดหมามุ่ยสุก     

ข้อแนะนำ/ข้อควรระวังหมามุ่ย

ขนจากฝัก ก่อให้เกิดอาการเคืองที่ผิวหนังอย่างแรง ทำให้คันเป็นผื่นแดง ปวดและก็บวม  การเตือน เด็ก สตรีมีครรภ์ คนป่วยที่เป็นโรคความดันเลือดสูง รวมทั้งผู้ป่วยทางจิตใจเวชไม่สมควรรับประทาน คนแพ้พืชเครือญาติถั่วไม่สมควรรับประทาน เนื่องจากว่าหมามุ่ยเป็นพืชตระกูลถั่วประเภทหนึ่งคนเจ็บโรคหัวใจและก็ระบบเส้นโลหิตหัวใจไม่ควรทาน เนื่องด้วยหมามุ่ยมีสารแอลโดขว้าง ซึ่งเป็นสารที่คนเจ็บโรคหัวใจแล้วก็เส้นโลหิตควรหลีกเลี่ยงเพราะจะทำให้ความดันโลหิตลดน้อยลง นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการเวียนหัวหัวรวมทั้งเป็นลมเป็นแล้ง นอกจากนี้ยังเป็นต้นเหตุทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอีกด้วย สารแอลโดปาจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเมลานินมากขึ้นเรื่อยๆ และก็ทำให้ลักษณะของโรคมะเร็งผิวหนังห่วยแตกลงด้วยเหตุผลดังกล่าวคนไข้โรคมะเร็งผิวหนังจึงไม่สมควรใช้เด็ดขาด แต่ว่าถ้าหากคุณเคยเป็นโรคโรคมะเร็งหรือมีความผิดธรรมดาเกี่ยวกับผิวหนังก่อนใช้หมามุ่ยควรขอความเห็นแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อน

เหตุเพราะหมามุ่ยมีหลายสายพันธุ์ รวมทั้งขั้นตอนการปรุงก็เป็นไปตามองค์ความรู้ของชนพื้นเมืองนั้นๆด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงไม่สมควรเก็บหมามุ่ยมาบริโภคเองจนกระทั่งจะมีการรับรองความปลอดภัยของสายพันธ์ที่บริโภคและก็มีผลการเรียนความเป็นพิษของหมามุ่ยที่กระจ่างแจ้งและน่าเชื่อถือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...