วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560

ถิ่นกำเนิดสมุนไพรแปะก๊วย

แปะก๊วย ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร แปะก๊วย
ชื่ออื่นๆ หยาเจียว (จีน) อิโจว(ญี่ปุ่น)
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Gingko biloba L.
ชื่อวงศ์ Ginkgoaceae

ถิ่นกำเนิดแปะก๊วย

แปะก๊วยมีถิ่นเกิดอยู่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองจีน เช้าใจกันว่าเป็นพืชที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่เหลืออยู่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นพืชที่หายากแล้วก็ใกล้จะสิ้นพันธุ์ โดยพบอยู่ในธรรมชาติไม่กี่ต้น ต่อมามีการนำต้นแปะก๊วยไปปลูกภายในประเทศญี่ปุ่นและก็เกาหลี และก็ในราวศตวรรษที่ 18 ได้มีการปลูกในทวีปยุโรป ปัจจุบันนี้ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ให้ความร่มเงาตามแถวถนนและสวนสาธารณะทั่วๆไปทั่งในยุโรป ประเทศออสเตรเลีย และก็อเมริกาลักษณะทั่วไป ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ยื่นต้นขนาดใหญ่อาจสูงได้ถึง 35 – 40 เมตร ต้นโตเต็มที่มีเส้นรอบวงโดยประมาณ 3 – 4 เมตร และอาจโตได้ถึง 7 เมตร ใบเป็นใบเดียว ลักษณะที่คล้ายพัด กว้าง 5 – 10 เซนติเมตร ก้านใบยาว ใบแก่มีรอยหยักเว้าตรงกลาง ใบออกเวียนสลับกัน หรือออกเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง เส้นใบขนานกันจำนวนหลายชิ้น ใบอ่อนเป็นสีเขียว สามารถเปลี่ยนเป็นสีเข้มได้เมื่อโตเต็มกำลัง รวมทั้งเป็นสีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง ต้นแปะก๊วยจะมีต้นตัวผู้ แล้วก็ต้นตัวเมีย ซึ่งลักษณะต่างกัน

การขยายพันธุ์แปะก๊วย

ตอนนี้แพร่พันธุ์โดยกระบวนการ เพาะเมล็ด , ปักชำ , ทาบกิ่ง โดยวิธีการเพาะเม็ด มีดังนี้

  • ล้างเมล็ดแปะก๊วยในน้ำอุ่นให้สะอาดเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา
  • หมกเมล็ดที่ล้างแล้ว ในขุยมะพร้าวหรือขี้เถ้าแกลบในถุงซิบล็อก ปิดถุงให้สนิท แล้วค่อยนำไปเก็บไว้ในตู้เย็น (ช่องเก็บผัก) โดยประมาณ 12 อาทิตย์ ช่วงนี้ให้คอยหมั่นตรวจทานว่ามีต้นอ่อนเริ่มแตกออกมาหรือยัง ถ้าหากมีเมล็ดไหน 

งอกก่อน 12 อาทิตย์ ก็แยกออกมาเพาะก่อน

  • ให้นำเม็ดที่ผลิออกก่อนมาเพาะในถุงชำ ใช้ดินถุงที่ขายธรรมดา ฝังเมล็ดแปะก๊วยลงไปราว 2 นิ้ว วางถุงเพาะชำให้โดนแดดอ่อนๆให้ดินที่

เพาะเม็ดชื้ออยู่ตลอดเวลาแต่ว่าอย่าให้เฉอะแฉะ ต่อไปก็รอคอยให้ต้นเขาโตขึ้นมาก่อนที่จะนำไปปลูกลงดิน

  • สำหรับเม็ดที่ไม่ผลิออกก่อน พบครบ 12 อาทิตย์ในตู้เย็นก็ออกมาเพาะต่อตามข้อ 3

องค์ประกอบทางเคมีของแปะก๊วย

ใบแปะก๊วย มีสารประกอบทางเคมีล้นหลาม แต่ว่าที่สำคัญมีอยู่ 2 กรุ๊ปเป็นเทอร์ป่ายปีนอย์ (terpenoids) มีสารประกอบที่สำคัญชื่อ กิงโกไลด์ (ginkgolide) และมีบิโลบาไลด์ (bilobalide) และก็อีกกรุ๊ปเป็น ฟลา-โวนอยด์ (flavonoids) นอกเหนือจากนี้ยังพบในพวกสารสตีรอยด์ (steroide) อนุพันธ์กรดอินทรีย์และก็น้ำตาล

สรรพคุณแปะก๊วย

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีคุณลักษณะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และยังสามารถชะลอความแก่ได้ ฤทธิ์การหยุดยั้งการยึดตัวของ เกล็ดเลือดทำให้การไหลเวียนของเลือดในเส้นโลหิตแดง หลอดเลือดดำ และหลอดเลือดฝอยดีขึ้น ฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปยังสมอง ทำให้ความรู้ความเข้าใจสำหรับในการดำเนินการและก็การตัดสินใจดียิ่งขึ้น ฤทธิ์กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไหลฉีดไปตามผิวหนังเจริญ ฤทธิ์เพิ่มความสามารถสำหรับในการทำความเข้าใจ ฤทธิ์ยั้งการเกิดไลปิดเพอรอคอยกไซด์ ฤทธิ์ช่วยให้ความจำดียิ่งขึ้น ฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดหดตัว ฤทธิ์เพิ่มการมองมองเห็น และก็ฤทธิ์ยับยั้งการเสื่อมของสมอง เสริมสร้างสมรรถนะทางเพศ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกาย จัดการกับปัญหาเลือดไปไหลเวียนในบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ไม่สบาย บรรเทาของกินของโรคพาร์กินสัน สารสกัดจากแปะก๊วยจำเข่าไปช่วยเพิ่มระบบไหลเวียนเลือดในสมอง ทำให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนโดปามีนได้มากขึ้น รวมทั้งนำส่งไปยังอวัยวะต่างๆในร่างกายได้อย่างพอเพียง

รูปแบบรวมทั้งขนาดวิธีการใช้

  • สารสกัดแปะก๊วยแห้ง –ใช้ 120 – 240 มก. แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับอาการ dementin โดยให้ยาต่อเนื่องกัน 8 อาทิตย์ แต่ไม่เกิน 3 เดือน
  • สารสกัดแปะก๊วยแห้ง – ใช้ 120 – 160 มิลลิกรัม แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับรักษาอาการเส้นโลหิตแดงส่วนปลายประสาทตัน และก็ ความมึนหัว มีเสียงในหู โดยให้ยาต่อเนื่องกัน 6 – 8 สัปดาห์
  • สำหรับในการใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ให้ใช้รับประทานไม่เกินวันละ 120 มก.

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของแปะก๊วย

มีการทดลองแปะก๊วยกับผู้ป่วยที่มีลักษณะขาดตกบกพร่องเรื้อรังของสมองส่วนซีรีบรัม แล้วก็หลอดเลือดพบว่า ในแปะก๊วยช่วยทำให้มีการความก้าวหน้าทางความจำความคิด นอนหลับได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ส่วนคนเจ็บโรคอัลไซเมอร์นั้น ในอเมริกา ใบแปะก๊วยก็ถูกให้อย่างกว้างขวางเพื่อเป็นยารักษาอาการดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยมีการทดสอบในปี 1994 ทดลองให้ใบแปะก๊วยกับกรุ๊ปคนป่วยอัลไซเมอร์ พบว่าผู้ป่วยมีความจำ และก็สมาธิได้ดีขึ้น

ในปี 1996 ได้มีการทดลองพบว่าใบแปะก๊วยมีประสิทธิภาพช่วยปกป้องผู้ที่มีอาการ AMS (Asthma & AcutE Mountain Sickness) หรือภาวการณ์แตกต่างจากปรกติของการหายใจขณะขึ้นสู่ที่สูงได้ ส่วนคนในกลุ่มชนที่พบเจอปัญหาหูอื้ออยู่เป็นประจำ การกินอาหารใบแปะก๊วยยังช่วยลดสภาวะหูอื้อลงได้อีกด้วย

การศึกษาทางพิษวิทยาของแปะก๊วย

การทดลองความเป็นพิษกะทันหันของแปะก๊วยในหนู พบว่าให้ค่า LD50 พอๆกับ 7725 มก./กก.น้ำหนักตัว ไม่เจอผลที่ทำให้เกิดการก่อกลายจำพวก (mutagen) หรือกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง (carcinogen) และไม่เป็นพิษต่อ ระบบอวัยวะสืบพันธุ์

ข้อแนะนำ/ข้อควรระวัง

  • สาร Gingkolide จากใบแปะก๊วยมีฤทธิ์ยีนส์การเกาะดึงของเกล็ดเลือด ถ้ากินยาแอสไพรินอยู่ประจำ หรือ รับประทานยา Gingkolide อยู่อาจมีผลข้างเคียงของการที่เลือดไหลไม่หยุด
  • ถ้าเกิดรับประทานสารสกัดจากในแปะก๊วยในปริมาณมาก อาจจะส่งผลให้เกิดของกินอาเจียน อาเจียน ท้องร่วง และก็มีอาหารกระวายกระวน
  • สำหรับหญิงตั้งท้องรวมทั้งให้นมบุตร ยังไม่มีงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยพิมพ์ถึงความปลอดภัย หรือผลที่จะเกิดกับเด็กแรกคลอด

ทั้งหากกินสารสกัดแปะก๊วยมากจนเกินความจำเป็นอาจมีผลข้างเคียงทำให้ปวดหัว งุนงง เวียนหัว ทางเดินอาหารป่วนปั่น หรืออาจเกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง ระบบหายใจแล้วก็หลอดเลือดเปลี่ยนไปจากปกติ ง่วงซึม ระบบการนอนหลับก็ปั่นป่วนไปด้วย

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เเปะก๊วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...