วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2560

การเรียนรู้ทางพิษวิทยาของหมามุ่ย

หมามุ่ย ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อ หมามุ่ย
ชื่ออื่นๆ บะเหยือง หม่าเหยือง (ภาคเหนือ) ตำแย (ภาคกลาง) โพล่ยู (กะเหรี่ยงกาญจนบุรี) กลออือแซ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mucuna pruriens (Linn.) DC.
ชื่อสามัญ/ชื่ออังกฤษ Cowitch
วงศ์ LEGUMINOIDEAE

ถิ่นกำเนิดหมามุ่ย

หมามุ่ยเป็นพืชที่มีถิ่นเกิดในเขตโซนร้อน (tropical) ต่างๆของโลกในทวีปแอฟริกาและก็ทวีปเอเชีย โดยในเอเชียสามารถพบหมามุ่ยได้ในประเทศ ไทย อินเดีย จีน เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา ฯลฯ และก็มักจะมีชื่อเรียกไม่เหมือนกันไปตามแต่ละประเทศ ซึ่งหมามุ่ยในโลกนี้ มีเยอะมากนับร้อยสายพันธุ์ แต่ว่าก็ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์เดียวกัน

ลักษณะทั่วไปของหมามุ่ย

หมามุ่ยจัดเป็น ไม้ล้มลุกฤดูเดียว มีเถาเลื้อย ยาว 2-10 เมตร มีขนหนาแน่น ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ ใบย่อยมี 3 ใบ ที่ปลาย รูปไข่หรือรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ใบกลางมักมีขนาดใหญ่ที่สุด กว้าง 3-10 เซนติเมตร ยาว 5-15 เซนติเมตร แผ่นใบทั้งคู่ด้านมีขนสีเทาปกคลุม ฐานใบเบี้ยว ปลายใบมนหรือมีติ่งแหลม ขอบใบเรียบ เส้นกลางใบมี 3 เส้น ดอกออกเป็นช่อกระจะที่ซอกใบ แขวนลงมา ยาว 15-30 ซม. ดอกสีม่วงคล้ำ มีกลิ่นเหม็นเบื่อ รูปดอกถั่ว ดอกย่อยมีมากมาย ขนาดกว้าง 1-2 ซม. ยาว 2-4 เซนติเมตร กลีบกลางรูปไข่ ปลายกลีบเว้า กลีบคู่ข้างรูปขอบขนานแกมรูปไข่ กลีบเลี้ยง โคนเชื่อมติดกันเป็นรูป ปลายแยกเป็น 5 กลีบ สีน้ำตาลอ่อน มีขนเหมือนเส้นไหมปกคลุม เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านเกสรเชื่อมกันเป็น 2 กรุ๊ป อับเรณูมีสองแบบ เกสรเพศเมียมีรังไข่รูปแถบ มีขนยาวสีเทา รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ผล เป็นฝักโค้งรูปขอบขนาน กว้าง 0.8-1 ซม. ยาว 5-9 เซนติเมตร ครึ้มโดยประมาณ 5 มม.  มีลักษณะม้วนงอที่ปลายฝัก ตามผิวมีขนสีน้ำตาลอมเหลืองหนาแน่น เป็นขนแข็งรวมทั้งสั้น พอฝักแห้งขนจะหลุดหล่นลอยละล่องตามลมได้ง่าย เมื่อโดนผิวหนัง จะมีผลให้คัน ปวดแสบปวดร้อน เม็ดมี 4-7 เมล็ด สีดำเป็นมัน เจอตามชายป่า ดงไผ่ และก็ที่โล่งแจ้งในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ มีดอกแล้วก็ติดผลราวพฤศจิกายนถึงมกราคม

ความแตกต่างของหมามุ่ยไทย รวมทั้งหมามุ่ยอินเดีย หมามุ่ยไทยรวมทั้งหมามุ่ยอินเดียนั้นดูผิวเผินแล้วบางครั้งอาจจะคล้ายกัน แม้กระนั้นก็มีความไม่เหมือนกันที่ฝักแล้วก็เมล็ด โดยสามารถดูได้ว่าหมามุ่ยประเทศอินเดียจะมีขนฝักสั้น เมื่อสัมผัสแล้วจะไม่มีอาการคัน แล้วก็เมื่อแกะฝักออกมาแล้วเมล็ดที่อยู่ด้านในจะมีสองสีสลับกัน ดำบ้างขาวบ้าง ขณะที่หมามุ่ยไทยนั้นจะมีขนฝักยาวแล้วก็แม้สัมผัสก็จะก่อให้กำเนิดอาการคันและ อาจเกิดอาการแพ้ได้ ทั้งนี้ขนาดฝักก็ยังเล็กมากยิ่งกว่าหมามุ่ยประเทศอินเดีย ส่วนสีของเมล็ดจะเป็นสีดำสนิทขนาดคละกันไป

การขยายพันธุ์ของหมาหมุ่

หมามุ่ยสามารถปลูก รวมทั้งขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเม็ด แต่ว่าโดยปกติหมามุ่ยสามารถพบได้ในป่าตามธรรมชาติ ป่ารกร้างแถบปริมณฑลหรือป่าเบญจพรรณ รวมทั้งมักแพร่ไปเป็นหย่อมทั่วรอบๆที่พบ หมามุ่ยเป็นพืชเถาที่เติบโตได้ดิบได้ดีในทุกดิน มีความทนทานต่อภาวะแห้งแล้ง แต่ว่าไม่ชอบพื้นที่ดินเปียก รวมทั้งมีน้ำขัง  การปลูกจะใช้ขั้นตอนการเพาะเมล็ดในถุงเพาะชำก่อน 1-2 เดือน แล้วนำลงแปลงปลูกเอาไว้ภายในระยะระหว่างต้น 2 x 2 เมตร ข้างหลังปลูกเสร็จต้องทำค้างด้วยไม้ไผ่รอบหลุมปลูก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 เมตร สูงประมาณ 1.5 เมตร ส่วนของหมามุ่ยที่นำมาใช้ผลดีเป็นเมล็ดแก่ ซึ่งจำต้องเก็บเมล็ดในระยะฝักแก่ ซึ่งช่วงนี้เถาจะมีใบเหลือง ฝักมีสีน้ำตาลอมแดง ซึ่งสามารถเก็บได้อีกทั้งฝักดิบแก่แล้วก็ฝักแก่แห้ง  สำหรับในประเทศไทยสายพันธุ์ที่เจอจะเป็นกรุ๊ปไม้ป่า Mucuna pruriens (L.) DC.  (Cultivar group Pruriens)ซึ่งจะมีขนพิษปกคลุมที่ฝัก กระตุ้นให้เกิดอาการคันเมื่อสัมผัส ส่วนกรุ๊ปที่เป็นไม้ปลูก Mucuna pruriens (L.) DC.  (Cultivar group Utillis) จะไม่มีขนพิษที่ฝักและไม่มีการปลูกในประเทศไทย

องค์ประกอบทางเคมีเมล็ด 

พบสาร L-dopa หรือ L-3,4- dihydroxyphenylalanine สารกลุ่มอัลคาลอยด์ เช่น prurienine, prurienidine, nicotine,  leeihun, gallic acid, tryptamineขน พบสาร serotonin และเอนไซม์ที่ทำให้ระคายเคืองผิวหนัง เช่น proteinase, mucanain

สรรพคุณ/การใช้ประโยชน์ของหมามุ่

หนังสือเรียนยาไทย เมล็ด ปรุงเป็นยาแก้ไข้ ขับปัสสาวะ บำรุงประสาท ฝาดสมาน รักษาโรคผู้ชาย กระตุ้นกำหนัด กระตุ้นรวมทั้งเพิ่มความสามารถทางเพศชาย ราก ขับฉี่อย่างแรง ใบ เป็นยาพอกแผล  ขน จากฝักกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองอย่างแรง ทำให้คันแล้วก็เป็นผื่นแดง ปวดแล้วก็บวม   

ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้ไม่อ่อนเพลียง่าย ช่วยให้ร่างกายมีชีวิตชีวาคล่องแคล่ว เพิ่มความกระฉับกระเฉงช่วยให้นอนหลับสบาย ร่าเริงแจ่มใสแจ่มใสช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศให้ดีมากเพิ่มขึ้นช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำอสุจิ และช่วยทำให้คุณภาพของน้ำอสุจิให้ดีเยี่ยมเพิ่มขึ้นช่วยผ่อนคลายความเครียดช่วยเพิ่มการเผาและมวลของกล้าม   คนภูเขาเผ่าอีก้อ ใช้ ใบ  ตำคั้นน้ำ ทา หรือพอก รักษาอาการไฟลุกน้ำร้อนลวก

หมามุ่ยมีปรากฏอยู่ในตำราเภสัชตำรับอายุรเวทของอินเดียว่ามีมีการนำเมล็ดแล้วก็รากมาใช้ทำยาโดยกล่าวว่าเม็ดมีคุณประโยชน์ในการรักษาโรคเสื่อมความสามารถทางเพศในขนาดรับประทาน 3-6 กรัม และก็ยังมีการประยุกต์ใช้กับโรคพาร์กินสันอีกด้วย

นอกเหนือจากนั้นในเม็ดของหมามุ่ยจะมีสาร L-dopaหรือ L-3,4- dihydroxyphenylalanine อยู่ปริมาณสูง ซึ่งถูกนำมาผลิตเพื่อกิจการค้าสำหรับการรักษาโรคพาร์กินสัน ซึ่งสาร L-dopa นี้เป็นสารเริ่มของสารสื่อประสาท dopamine ซึ่งส่งผลต่อสมองส่วนต่างๆในหลายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมการเคลื่อนไหว แล้วก็ยังมีผลทำให้ความดันโลหิตต่ำลงอีกด้วย

หมามุ่ยมีประวัติการนำมาใช้เป็นของกินในบางประเทศ ได้แก่ อินเดีย มีการนำเม็ดมาต้มน้ำหลายๆครั้งที่แล้วนำมารับประทานเพื่อกำจัดสารต้านทานโภชนาการ(anti-nutritional factors) ประเทศกัวเตมาลาแล้วก็เม็กซิโก มีประวัติการนำมาอบแล้วก็บดใช้กินแทนกาแฟ ใบใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ ฯลฯอย่างไรก็แล้วแต่ มีหลายประเทศที่จัดหมามุ่ยเป็นพืชที่ต้องระมัดระวังในการใช้ ดังจะเห็นได้จากการที่หมามุ่ยมีปรากฏอยู่ในรายชื่อพืชที่มีแถลงการณ์ว่าประกอบด้วยสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งบางทีอาจไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์เมื่อใช้ในอาหารหรือสินค้าเสริมของกิน (Compendium of botanicals reported to contain naturally occurring substances of possible concern for human health when used in food and food supplements) ที่คณะทำงานร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์ของ EFSA (European Food Safety Authority Scientific Cooperation Working Group) ได้จัดรวบรวมขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินความปลอดภัยของของกินแล้วก็สินค้าเสริมของกินที่มีพืชพวกนี้เป็นองค์ประกอบ

รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้หมามุ่ย

แก้พิษแมงป่องกัดโดยตำเม็ดหมามุ่ยให้เป็นผงแล้วผสมน้ำนิดหน่อยใช้พอกรอบๆที่ถูกกัด แก้ไอโดยใช้รากหมามุ่ยผสมกับรากมะเขือฝาดแช่น้ำกิน หรือนำรากหมามุ่ยมาต้มกับน้ำแล้วกินน้ำก็จะแก้อาการไอได้ ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย บอบช้ำใน ด้วยการใช้รากหมามุ่ย 1 กิโลกรัม เมล็ดผักกาด 5 ขีด แล้วก็เม็ดผักชี 3 ขีด เอามาตำรวมกันจนเป็นผุยผงแล้วผสมน้ำผึ้งป่าหมักทิ้งไว้ 3 เดือน แล้วนำมาใช้รับประทานก่อนนอน (ขนาดเท่าผลมะพวง) โดยที่กล่าวมานี้เป็นต้นแบบแล้วก็วิธีการใช้ในตำราโบราณเพียงแค่นั้น สำหรับการควบคุมสินค้าจากเมล็ดหมามุ่ยโดยชอบด้วยกฎหมายในประเทศไทยในเดี๋ยวนี้ อย. ยังไม่มีการอนุญาตเม็ดหมามุ่ยเป็นเสริมอาหารแต่มีการอนุญาตขึ้นบัญชีเป็นยาแผนโบราณในสูตรผสมประกอบด้วยเมล็ดหมามุ่ยและสมุนไพรอื่นๆสำหรับคุณประโยชน์บำรุงร่างกายเท่านั้น

การศึกษาทางเภสัชวิทยา

หมามุ่ยที่มีการนำมาศึกษาค้นคว้าในขณะนี้และส่งผลการศึกษาเรียนรู้ที่ออกมานั้น เป็นหมามุ่ยสารพันธุ์ประเทศอินเดียและสายพันธุ์จีน ส่วนสายพันธุ์ของไทยนั้น ยังไม่มีการนำมาศึกษาศึกษาค้นคว้าแต่อย่างใด โดยการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ของหมามุ่ยต่อสมรรถนะทางเพศในสัตว์ทดลองพบว่า การป้อนหนูแรทเพศผู้ด้วยสารสกัดเอทานอลเมล็ดหมามุ่ยที่ความเข้มข้น 200 มก./กิโลกรัมของน้ำหนักตัว วันละครั้ง เป็นเวลา 21 - 45 วัน สามารถเพิ่มสมรรถนะทางเพศของหนูได้ พูดอีกนัยหนึ่งมีผลทำให้ความประพฤติปฏิบัติทางเพศของหนูเปลี่ยนไป โดยมีความประพฤติปฏิบัติการจับคู่แล้วก็การขึ้นคร่อมตัวเมียถี่ขึ้น และมีช่วงเวลาสำหรับการเริ่มสอดใส่ของลับครั้งแรกจนถึงหลั่งน้ำกาม (ejaculation latency, EL) นานขึ้น นอกเหนือจากนี้การเล่าเรียนทางสถานพยาบาลในประเทศประเทศอินเดียกับอาสาสมัครเพศชายที่มีภาวการณ์ปริมาณสเปิร์มน้อย และก็สเปิร์มมีการขยับเขยื้อนเปลี่ยนไปจากปกติ โดยให้อาสาสมัครดื่มนมที่ผสมกับผงบดเมล็ดหมามุ่ยขนาด 5 กรัม วันละครั้ง เป็นเวลา 3 เดือนพบว่า ค่าความเข้มข้นของสเปิร์ม และการเคลื่อนไหวของสเปิร์มมากยิ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และก็มีค่าเกือบจะเท่ากันกับอาสาสมัครที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งทำให้เห็นว่าเม็ดหมามุ่ยมีคุณภาพในการช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพน้ำกามให้ดีขึ้นได้  แต่ว่าก็เป็นที่น่าสนใจว่าเมื่อนำผงบดของเมล็ดหมามุ่ยมาทดสอบในหนูแรทเพศภรรยา กลับมีผลทำให้ความประพฤติทางเพศมีแนวโน้มน้อยลง กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีความประพฤติปฏิบัติการจับคู่กับหนูตัวผู้ลดน้อยลง และก็ไม่ยอมรับการรับการผสมพันธุ์จากหนูตัวผู้ (5) ทำให้เห็นว่าการรับประทานเมล็ดหมามุ่ยอาจให้ผลต่างกันในระหว่างผู้ชายและหญิง นอกจากนี้สารสกัดที่ได้จากราก ลำต้น แล้วก็เมล็ด มีฤทธิ์ลดความดันเลือดให้ลดน้อยลง มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด รวมทั้งช่วยรักษาโรคโรคเบาหวานรวมถึงมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของต่อมลูกหมากได้

การศึกษาทางพิษวิทยาของหมามุ่ย

การเล่าเรียนความเป็นพิษกะทันหันรวมทั้งครึ่งหนึ่งกระทันหันของของเม็ดหมามุ่ย พบว่า เมื่อให้ผงเม็ดหมามุ่ยทางปากแก่หนูถีบจักรเพศผู้ พบว่าขนาดของผงเมล็ดหมามุ่ยทางปากสัตว์ทดสอบตายครึ่งเดียว (LD50) มีค่ามากกว่า 1600 มิลลิกรัม/กิโลกรัม(น้ำหนักตัว) และก็เมื่อให้ผงเมล็ดหมามุ่ยทางปากกับกระต่ายปริมาณ 10 ตัว ในขนาด 70 มิลลิกรัม/กก.(น้ำหนักตัว)/วัน ติดต่อกันเป็นเวลา 90 วัน ไม่เจอความไม่ปกติที่เห็นด้วยตาเปล่ารวมทั้งค่าทางเลือดวิทยาอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกระต่ายกลุ่มควบคุม แม้ว่าการเรียนรู้ความเป็นพิษเฉียบพลันและกึ่งทันควันของเม็ดหมามุ่ยจะไม่พบความไม่ดีเหมือนปกติในสัตว์ทดสอบ แต่มีการเรียนความเป็นพิษต่อไตของเม็ดหมามุ่ยสายพันธุ์ M. pruriens var. utilis 2 ชนิดเป็นประเภทที่ยังมิได้ปรุงสุกเปรียบเทียบกับจำพวกที่ทำให้สุกโดยการต้มนาน 30 นาที ในหนูแรท โดยผสมในอาหารจำนวนร้อยละ 10, 20 และก็ 50 ตรงเวลา 4 สัปดาห์ เทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับอาหารปกติพบว่าค่ายูเรีย (urea) และก็ครีแอทินิน (creatinine) ในเลือดสูงขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุมแล้วก็มากขึ้นตามปริมาณของเมล็ดหมามุ่ย ยิ่งกว่านั้นยังพบว่ากลุ่มที่ได้รับผงหมามุ่ยปรุงสุกมีค่ายูเรีย (urea) แล้วก็ครีแอทินิน (creatinine) ในเลือดต่ำลงมากยิ่งกว่ากรุ๊ปที่ได้รับผงดิบ จึงอาจสรุปได้ว่าการบริโภคเมล็ดหมามุ่ยอาจส่งผลให้เกิดความเป็นพิษต่อไตโดยขึ้นอยู่กับขนาดท้องนาดรับประทาน และก็ความเป็นพิษบางทีอาจต่ำลงเมื่อทำให้เมล็ดหมามุ่ยสุก     

ข้อแนะนำ/ข้อควรระวังหมามุ่ย

ขนจากฝัก กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังอย่างแรง ทำให้คันเป็นผื่นแดง ปวดแล้วก็บวม  การเตือน เด็ก สตรีตั้งท้อง คนป่วยที่เป็นโรคความดันเลือดสูง และผู้ป่วยทางด้านจิตเวชไม่ควรกิน คนแพ้พืชเครือญาติถั่วไม่สมควรรับประทาน เนื่องจากว่าหมามุ่ยเป็นพืชเชื้อสายถั่วคนเจ็บโรคหัวใจและก็ระบบเส้นเลือดหัวใจไม่ควรทาน เพราะเหตุว่าหมามุ่ยมีสารแอลโดปา ซึ่งเป็นสารที่ผู้เจ็บป่วยโรคหัวใจรวมทั้งหลอดเลือดควรจะหลีกเลี่ยงเพราะเหตุว่าจะก่อให้ความดันโลหิตน้อยลง ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืดหัวรวมทั้งเป็นลมเป็นแล้ง นอกเหนือจากนี้ยังเป็นต้นเหตุทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอีกด้วย สารแอลโดปาจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ทำให้ลักษณะโรคมะเร็งผิวหนังห่วยลงด้วยเหตุดังกล่าวผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งผิวหนังก็เลยไม่ควรใช้เด็ดขาด แต่แม้คุณเคยเป็นโรคโรคมะเร็งหรือมีความผิดธรรมดาเกี่ยวกับผิวหนังก่อนใช้หมามุ่ยควรจะหารือหมอหรือผู้ที่มีความชำนาญก่อน

เพราะเหตุว่าหมามุ่ยมีหลายสายพันธุ์ รวมถึงกรรมวิธีการปรุงก็เป็นไปตามองค์วิชาความรู้ของชนพื้นเมืองนั้นๆโดยเหตุนั้นก็เลยไม่สมควรเก็บหมามุ่ยมาบริโภคเองกระทั่งจะมีการยืนยันความปลอดภัยของสายพันธ์ที่บริโภคและมีผลการเล่าเรียนความเป็นพิษของหมามุ่ยที่แน่ชัดและน่าไว้วางใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...