วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

กระชายดำ ประโยชน์สรรพคุณ และงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยข้อดีข้อบกพร่อง

กระชายดำ ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร กระชายดำ

ชื่ออื่นๆ/ ชื่อเขตแดน กระชายม่วง , ว่านเพชรดำ , ขิงทราย (มหาสารคาม) , ว่านจังงัง , ว่านพญานกยูง , ว่านกั้นบัง ,ว่านกำบัง , ว่านกำบังภัย , กะแอน . ระแอน (ภาคเหนือ)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Kaempferia parviflora Wallich. ex Baker

ชื่อวงศ์Zingiberaceae

ถิ่นกำเนิดกระชายดำ

มีบ้านเกิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอได้หนาแน่นในแถบมาเลเซีย เกะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดจีน แล้วก็ในประเทศไทย และก็มีเขตผู้กระทำระจายจำพวกทั่วไปในทวีปเอเชียเขตร้อน ในประเทศจีนตอนใต้ ประเทศอินเดีย รวมทั้งประเทศพม่า สำหรับประเทศไทยนั้นมีการปลูกกระชายดำมากมายในจังหวัดเลย ตาก กาญจนบุรี แล้วก็จังหวัดอื่นๆทางภาคเหนือ

ลักษณะทั่วไปของกระชายดำ

กระชายดำจัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปีมีเหง้าอยู่โต้ดิน โดยในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้

  • เหง้ากระชายดำ นั้นมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม เป็นปุ่มป่นเรียงต่อกัน และมักมีขนาดเท่าๆกัน มีหลายเหง้าแล้วก็อวบน้ำ ผิวเหง้ามีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาบเข้ม และบางทีอาจพบรอยที่ผิวเหง้าเป็นบริเวณที่จะผลิออกของต้นใหม่ ส่วนเนื้อด้านในชองเหง้ามีสีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนถึงม่วงดำ เหง้ามีกลิ่นหอมเฉพาะบุคคล รวมทั้งมีรสชาติขมนิดหน่อย โดยกระชายดำที่ดีนั้นควรมีสีม่วงเข้มถึงสีดำ
  • ใบกระชายดำ มีใบเป็นใบเดี่ยว ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ มีความกว้างราวๆ 5 – 10 เซนติเมตร รวมทั้งยาวราวๆ 10 – 15 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบหยักตามเส้นใบ ผิว ในเป็นร่องคลื่นตลอดใบตามแนวของเส้นใบ ใบมีสีเขียวสด ส่วนโคนก้านใบมีลักษณะเป็นกาบห่อหุ้มลำต้นไว้ ขอบก้านใบมีสีแดงตลอดความยาวของก้าน ศูนย์กลางก้านเป็นร่องลึก
  • ดอกกระชายดำ ดอกออกเป็นช่อแทรกขึ้นมาจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกมีความยาวโดยประมาณ 5 – 6 ซม. กลีบดอกไม้ที่ส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาวโดยประมาณ 3 - 3.2 เซนติเมตร ที่ปลายแยกเป็นแฉก เกสรตัวผู้เป็นหมัน มีสีขาว ลักษณะเป็นรูปขอบขนาด มีความกว้างประมาณ 3 มม. แล้วก็ยาวราว 10 -13 มิลลิเมตร ส่วนกลีบปลายมีสีม่วง

การขยายพันธุ์กระชายดำ

แพร่พันธุ์โดยการใช้หัวหรือแยกหน่อ ปลูกได้ทั้งปี แต่ว่าฤดูที่เหมาะสมอยู่ในระหว่างมีนาคม – พ.ค. การเตรียมหัวกระชายดำสำหรับปลูก หัวกระชายดำหัวหนึ่งจะมีหลายแง่ง ให้บิ (หัก) ออกมาเป็นแง่งๆถ้าเกิดแง่งเล็กก็ 2 – 3 แง่ง ถ้าเกิดแง่งใหญ่สมบูรณ์ก็แค่แง่งเดียวก็พอเพียง เพราะเหตุว่าเมื่อกระชายดำโตขึ้น กระชายดำก็จะแตกหน่อ แล้วก็กำเนิดหัวกระชายดำหัวใหม่ขึ้นมาแทน แล้วก็จะขยายหัวและก็หน่อออกไปเรื่อยๆจะมากมายหรือน้อยขึ้นอยู่กับการดูแลและรักษา ส่วนหัวหรือแง่งที่ใช้ปลูกลงในตอนต้นที่เฉาแล้วก็แห้งไปในที่สุด ก่อนนำไปปลูก ควรจะทารอยแผลของแง่งกระชายดำที่ถูกลบออกมาด้วยปูนกินหมาก หรือจะจุ่มไปในน้ำยากันเชื้อราก็ได้ แล้วผึ่งในที่ร่มกระทั่งหมดหรือแห้ง และหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปปลูก การปลูกกระชายดำก็ดังการปลูกกระชายปกติโดยปกติ สามารถปลุกได้ดิบได้ดีในดินที่ร่วนซุย การระบายน้ำดี แต่ระวังไม่ให้อุทกภัยขัง เพราะจะมีผลให้หัวหรือเหง้าเน่าเหม็นได้ง่ายส่วนในดินเหนียว และก็ดินลูกรังไม่ค่อยจะสมควรนัก โดยธรรมชาติแล้วก็กระชายดำขอบขึ้นตามร่มไม้ในป่าดิบ แล้วก็ป่าเบญจพรรณทั่วไป แม้กระนั้นในที่โล่งก็สามารถปลูกได้

องค์ประกอบทางเคมีของกระชายดำ

ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์พบว่า ในเหง้ากระชายดำมีน้ำมันหอมระเหยแต่ว่าเจอในปริมาณน้อย (ราวปริมาณร้อยละ 1 – 3) น้ำมันหอมระเหยของกระชายดำประกอบด้วยสารเคมีหลายแบบ เป็นต้นว่า 1.8-cineol,camphor, d-borneol และก็ methyl cinnamate น้ำมันหอมระเหยที่เจอส่วนน้อย ดังเช่น d-pinene, zingiberene , zingiberone, curcumin และ zedoarin ยิ่งกว่านั้น ยังพบสารอื่น ตัวอย่างเช่น กรุ๊ปไดไฮโดรซาลโคน pincocembrin แล้วก็กล่มุซาลโคน (อาทิเช่น 2 , 4 , 6-trihydroxy chalcone และ cardamonin)(ณาตยา ธนะศิริวัฒนา, สุนิดา ณ ตะกั่วทุ่ง, ธนนันต์ ฐานะจาโร,2540)

สูตรส่วนประกอบทางเคมีสารกลุ่ม chalconeที่มา Rein (2005)

สูตรส่วนประกอบทางเคมีสารกรุ๊ป Anthocyanin

ที่มา Castaneda-Ovando et al. (2009)

สรรพคุณกระชายดำ

ใช้บำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อยและอาการเหนื่อยล้า และเพิ่มความสามารถทางเพศขับลม เป็นยาอายุวัฒนะ แก้จุกเสียด แก้ปวดท้อง หรือตำกับเหล้าขาวคั้นน้ำดื่ม แก้โรคมดลูกพิการ มดลูกหย่อนยาน ใช้กวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก หรือต้มดื่มแก้โรคตา ช่วยทำนุบำรุงฮอร์โมนเพศชาย แก้กามตายด้าน ด้วยการใช้เหง้ากระชายดำสดนำมาดองกับเหล้าขาวรวมทั้งน้ำผึ้งแท้ (ในอัตราส่วน 1 กิโล : เหล้าขาว 3 ขวด : น้ำผึ้ง 1 ขวด) ดองทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 9 – 15 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มวันละ 1 – 2 เป๊ก (กระชายดำไม่ได้เป็นยาปลุกอารมณ์ทางเพศ แต่ว่าระยะเวลาการแข็งตัวนานขึ้น และสำหรับผู้ที่มิได้มีปัญหาดังที่ได้กล่าวมาแล้วก็สามารถรับประทานเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรกขึ้นได้)ถ้าหากสุภาพสตรีทานแล้วจะช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนทางเพศ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ช่วยในการนอนหลับ แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในยามค่ำคืน ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น

รูปแบบ , ขนาดวิธีการใช้

สำหรับวิธีการใช้กระชายดำเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาพาราท้อง แก้โรคบิด และก็ลมป่วงทุกประเภท

  • ถ้าเกิดเป็นเหง้าสด ให้ใช้ราวๆ 4 – 5 เอามาดองกับเหล้าขาว 1 ขวดก่อนเอามากินเป็นข้าวเย็น ในปริมาณ 30 cc. หรือ จะฝานเป็นแว่นบางๆแช่กับน้ำ หรือนำมาดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1
  • หากเป็นเหง้าแห้งก็ให้ใช้ดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1 ต่อ นาน 7 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มก่อนนอน
  • ถ้าเกิดเป็นแบบชงหรือแบบผง ให้ใช้ผงแห้ง 1 ซอง ชงกับน้ำร้าน 1 แก้ว (ขนาน 120 cc.) รวมทั้งแต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลตามความอยากได้ แล้วเอามาดื่ม

การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของกระชายดำ

  1. ฤทธิ์ต้านอักเสบ สาร 5,7 – ได้เมธอกซีฟลาโวน (5,7-DMF) ที่แยกได้จากเหง้ากระชายดำ มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบเทียบเคียงได้กับยามาตรฐานหลากหลายประเภทหมายถึงแอสไพริน , อินโดเมธาซิน , ไฮไดรคอร์ติโซน รวมทั้งเพรดนิโซโลน จากการเล่าเรียนฤทธิ์ต่อต้านอักเสบของสารนี้ ในสัตว์ทดสอบด้วยวิธีการต่างๆพบว่าสาร 5,7-DMF สามารถต่อต้านการอักเสบแบบกะทันหันได้ดีมากว่าแบบเรื้อรัง โดยแสดงฤทธิ์ยั้งการบวมของอุ้งเท้าหนูขาวจากสารคาราจีนแนน และก็เคโอลินได้ดีกว่าฤทธิ์ยับยั้งการผลิต granuloma จากการฝังสำลีใต้ผิวหนัง ยิ่งกว่านั้น พบว่า สาร 5,7-DMF มีฤทธิ์ยับยั้งการเกิด exudation และการสร้างสาร prostaglandin อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อศึกษาฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบในช่องปอดของหนูขาว (rat pleurisy) (ตระกูลความเจริญรุ่งเรือง ทัศนียกุล และอำไพ ปั้นทอง,2528)
  2. ฤทธิ์ต้านทานเชื้อจุลินทรีย์ สาร 5,7,4'-trimethoxyflavone และก็ 5,7,3' ,4' –tetramethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Plasmodium falciparum ที่เป็นสาเหตุของโรคมาลาเรีย ส่วนสาร 3,5,7,4'-tetramethoxyflavone รวมทั้ง 5,7,4'-trimethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ Candida albicans รวมทั้งแสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Mycobacterium อย่างอ่อน (Wattanapitayakui S, Nawinprasert A, Herunsalee A, et al,2003)
  3. พิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง (cytotoxic activity) จากการทดสอบผลของฟลาโวนอยด์ 9 ประเภทของกระชายดำต่อเซลล์มะเร็ง ตัวอย่างเช่น KB , BC หรือ NCI-H187 ไม่พบว่ามีสารใดทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ของมะเร็งที่ทดสอบ (ตระกูลความเจริญรุ่งเรือง ทัศนียกุล และก็สุกใส ปั้นทอง,2528)
  4. ฤทธิ์ขยายเส้นเลือดแดง มีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดด้วยเอธานอลของกระชายดำมีฤทธิ์ขยายเส้นเลือดแดงใหญ่ (aorta) ลดละการหดเกร็งของ ลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ของหนูขาว และยับยั้งการยึดกรุ๊ปของเกล็ดเลือดของคน.(Yenchai C, Prasaphen K, Doodee S, et al,2004)

การเรียนทางพิษวิทยา

การศึกษาเล่าเรียนพิษเรื้อรังระยะเวลา 6 เดือน ของผงกระชายดำในหนูขาว ในขนาด 20 , 200 , 1000 แล้วก็ 2000 มก/กิโลกรัม/วัน เทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับน้ำ พบว่า หนูที่ได้รับกระชายดำทุกกรุ๊ปมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อาการรวมทั้งสุขภาพไม่ได้มีความแตกต่างจากกลุ่มควบคุมหนูที่ได้รับกระชายดำขนาด 2000 มก/กก. มีน้ำหนักสัมพันธ์ของตับสูงขึ้นมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ อาจเนื่องด้วยมีน้ำหนักตัวที่ต่ำกว่ากลุ่มควบคุม และมีเม็ดเลือดขาวอิโอสิฟิสที่ได้รับกระชายดำ 2000 มก./กก. มีระดับซีรั่มโซเดียมสูงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจังแต่ว่ายังอยู่ในช่วงค่าปกติ ผลการตรวจอวัยวะทางจุลพยาธิวิทยานั้นไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่ชี้ว่ากำเนิดความเป็นพิษของกระชายดำ (ทรงพล ชีวะพัฒน์, ณุฉัตรา จันทร์สุการซื้อขาย, ปราณี ชวลิตทรง แล้วก็คณะ.2547)

ข้อแนะนำ /{ข้อควรระวัง

  • กระชายดำสามารถรับประทานได้หญิง และชายโดยไม่เกิดผลใกล้กันใดๆยิ่งสำหรับคนชราก็พบว่านิยมใช้กันมานานมากแล้ว
  • ผลข้างเคียงของกระชายดำ การกินในขนาดสูง อาจส่งผลให้กำเนิดอาการใจสั่นได้
  • ห้ามใช้กระชายดำในเด็ก และก็ในคนไข้ที่เป็นโรคตับ
  • การกินเหง้ากระชายดำต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่นานๆ อาจจะก่อให้เหงือกร่น
  • แม้จะมีการวิจัยในสัตว์ทดลองที่ระบุว่ากระชายดำไม่พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาเรียนรู้วิจัยเพื่อประเมินประสิทธิผล ของการใช้กระชายดำในคนจึงควรรับประทานในจำนวนที่พอเหมาะพอควร เพื่อให้มีความปลอดภัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...