วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2560

การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยาของกระชายดำ

กระชายดำ ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร กระชายดำ

ชื่ออื่นๆ/ ชื่อแคว้น กระชายม่วง , ว่านเพชรดำ , ขิงทราย (มหาสารคาม) , ว่านนิ่งงัน , ว่านพญานกยูง , ว่านกั้นบัง ,ว่านกำบัง , ว่านกำบังภัย , กะแอน . ระแอน (ภาคเหนือ)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Kaempferia parviflora Wallich. ex Baker

ชื่อวงศ์Zingiberaceae

ถิ่นกำเนิดกระชายดำ

มีบ้านเกิดเมืองนอนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอได้หนาแน่นในแถบมาเลเซีย สุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดจีน แล้วก็ในประเทศไทย รวมทั้งมีเขตผู้กระทำระจายประเภททั่วๆไปในทวีปเอเชียเขตร้อน ในประเทศจีนตอนใต้ อินเดีย และก็พม่า สำหรับเมืองไทยนั้นมีการปลูกกระชายดำมากมายในจังหวัดเลย ตาก กาญจนบุรี และก็จังหวัดอื่นๆทางภาคเหนือ

ลักษณะทั่วไปของกระชายดำ

กระชายดำจัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปีมีเหง้าอยู่โต้ดิน โดยในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • เหง้ากระชายดำ นั้นมีลักษณะเป็นทรงกลม เป็นปุ่มป่นเรียงต่อกัน แล้วก็มักมีขนาดเท่าๆกัน มีหลายเหง้าและอวบน้ำ ผิวเหง้ามีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาบเข้ม รวมทั้งอาจพบรอยที่ผิวเหง้าเป็นรอบๆที่จะงอกของต้นใหม่ ส่วนเนื้อภายในชองเหง้ามีสีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนกระทั่งม่วงดำ เหง้ามีกลิ่นหอมสดชื่นเฉพาะบุคคล แล้วก็มีรสชาติขมน้อย โดยกระชายดำที่ดีนั้นควรมีสีม่วงเข้มถึงสีดำ
  • ใบกระชายดำ มีใบเป็นใบลำพัง ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ มีความกว้างราวๆ 5 – 10 เซนติเมตร และยาวราวๆ 10 – 15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบใบหยักตามเส้นใบ ผิว ในเป็นร่องคลื่นตลอดใบตามแนวของเส้นใบ ใบมีสีเขียวสด ส่วนโคนก้านใบมีลักษณะเป็นกาบห่อลำต้นไว้ ขอบก้านใบมีสีแดงตลอดความยาวของก้าน ส่วนกลางก้านเป็นร่องลึก
  • ดอกกระชายดำ ดอกออกเป็นช่อแทรกขึ้นมาจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกมีความยาวโดยประมาณ 5 – 6 ซม. กลีบดอกที่ส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาวราวๆ 3 - 3.2 ซม. ที่ปลายแยกเป็นแฉก เกสรตัวผู้เป็นหมัน มีสีขาว ลักษณะเป็นรูปขอบขนาด มีความกว้างราว 3 มิลลิเมตร แล้วก็ยาวราวๆ 10 -13 มม. ส่วนกลีบปลายมีสีม่วง

การขยายพันธุ์กระชายดำ

แพร่พันธุ์โดยการใช้หัวหรือแยกหน่อ ปลูกได้ทั้งปี แต่ว่าฤดูที่เหมาะสมอยู่ในระหว่างมีนาคม – พฤษภาคม การเตรียมหัวกระชายดำสำหรับปลูก หัวกระชายดำหัวหนึ่งจะมีหลายแง่ง ให้บิ (หัก) ออกมาเป็นแง่งๆถ้าหากแง่งเล็กก็ 2 – 3 แง่ง ถ้าแง่งใหญ่สมบูรณ์ก็แค่แง่งเดียวก็พอ เพราะว่าเมื่อกระชายดำโตขึ้น กระชายดำก็จะแตกหน่อ และก็กำเนิดหัวกระชายดำหัวใหม่ขึ้นมาแทน แล้วก็จะขยายหัวและก็หน่อออกไปเรื่อยจะมากมายหรือน้อยขึ้นกับการดูแลและรักษา ท่อนหัวหรือแง่งที่ใช้ปลูกภายในตอนแรกที่เหี่ยวเฉาแล้วก็แห้งไปสุดท้าย ก่อนนำไปปลูก ควรทารอยแผลของแง่งกระชายดำที่ถูกหักออกมาด้วยปูนกินหมาก หรือจะจุ่มลงไปในน้ำยากันเชื้อราก็ได้ แล้วผึ่งในที่ร่มจนหมดหรือแห้ง แล้วจากนั้นจึงค่อยนำไปปลูก การปลูกกระชายดำก็อย่างกับการปลูกกระชายธรรมดาโดยธรรมดา สามารถปลุกได้ดิบได้ดีในดินร่วนซุย การระบายน้ำดี แม้กระนั้นระวังอย่าให้น้ำท่วมขัง เพราะเหตุว่าจะมีผลให้หัวหรือเหง้าเน่าเหม็นได้ง่ายส่วนในดินเหนียว แล้วก็ดินลูกรังไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก โดยธรรมชาติและก็กระชายดำขอบขึ้นตามร่มไม้ในป่าดงดิบ และก็ป่าเบญจพรรณทั่วๆไป แม้กระนั้นในที่โล่งแจ้งก็สามารถปลูกได้

องค์ประกอบทางเคมีของกระชายดำ

ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์พบว่า ในเหง้ากระชายดำมีน้ำมันหอมระเหยแต่เจอในปริมาณน้อย (ราวปริมาณร้อยละ 1 – 3) น้ำมันหอมระเหยของกระชายดำมีสารเคมีหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น 1.8-cineol,camphor, d-borneol และก็ methyl cinnamate น้ำมันหอมระเหยที่พบส่วนน้อย เช่น d-pinene, zingiberene , zingiberone, curcumin แล้วก็ zedoarin นอกเหนือจากนี้ ยังเจอสารอื่น ยกตัวอย่างเช่น กรุ๊ปไดไฮโดรซาลโคน pincocembrin รวมทั้งกล่มุซาลโคน (เป็นต้นว่า 2 , 4 , 6-trihydroxy chalcone แล้วก็ cardamonin)(ณาตยา ธนะศิริวัฒนา, สุนิดาในตะกั่วทุ่ง, ธนนันต์ ฐานะจาโร,2540)

สูตรโครงสร้างทางเคมีสารกลุ่ม chalconeที่มา Rein (2005)

สูตรส่วนประกอบทางเคมีสารกรุ๊ป Anthocyanin

ที่มา Castaneda-Ovando et al. (2009)

คุณประโยชน์กระชายดำ

ใช้ชูกำลัง แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวรวมทั้งอาการเมื่อยล้า และเพิ่มสมรรถนะทางเพศขับลม เป็นยาอายุวัฒนะ แก้จุกเสียด แก้เจ็บท้อง หรือตำกับเหล้าขาวคั้นน้ำ แก้โรคมดลูกทุพพลภาพ มดลูกหย่อนยาน ใช้ปัดกวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก หรือต้มดื่มแก้โรคตา ช่วยทำนุบำรุงฮอร์โมนเพศชาย แก้กามตายด้าน ด้วยการใช้เหง้ากระชายดำสดเอามาดองกับเหล้าขาวรวมทั้งน้ำผึ้งแท้ (ในอัตราส่วน 1 กิโล : เหล้าขาว 3 ขวด : น้ำผึ้ง 1 ขวด) ดองทิ้งเอาไว้ราว 9 – 15 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มวันละ 1 – 2 เป๊ก (กระชายดำมิได้เป็นยาเร้าอารมณ์ทางเพศ แต่ช่วงเวลาการแข็งตัวนานขึ้น รวมทั้งสำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก็สามารถกินเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรกขึ้นได้)ถ้าหากสุภาพสตรีทานแล้วจะสามารถช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนทางเพศ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ช่วยในการนอนหลับ แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในช่วงเวลาค่ำคืน ช่วยให้นอนหลับดียิ่งขึ้น

รูปแบบ , ขนาดวิธีการใช้

สำหรับวิธีการใช้กระชายดำเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง แก้โรคบิด แล้วก็ลมป่วงทุกชนิด

  • หากเป็นเหง้าสด ให้ใช้ราวๆ 4 – 5 นำมาดองกับเหล้าขาว 1 ขวดก่อนนำมารับประทานเป็นอาหารค่ำ ในปริมาณ 30 cc. หรือ จะฝานเป็นแว่นบางๆแช่กับน้ำ หรือนำมาดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1
  • ถ้าเกิดเป็นเหง้าแห้งก็ให้ใช้ดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1 ต่อ นาน 7 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มก่อนนอน
  • ถ้าเป็นแบบชงหรือแบบผง ให้ใช้ผงแห้ง 1 ซอง ชงกับน้ำร้าน 1 แก้ว (ขนาน 120 cc.) และก็แต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลตามความอยาก แล้วนำมาดื่ม

การเรียนทางเภสัชวิทยาของกระชายดำ

  1. ฤทธิ์ต้านทานอักเสบ สาร 5,7 – ได้เมธอกซีฟลาโอ้อวดน (5,7-DMF) ที่แยกได้จากเหง้ากระชายดำ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบเทียบได้กับยามาตรฐานหลายอย่างเป็นแอสไพริน , อินโดเมธาซิน , ไฮไดรคอร์ติโซน แล้วก็เพรดนิโซโลน จากการเรียนฤทธิ์ต้านอักเสบของสารนี้ ในสัตว์ทดลองด้วยแนวทางต่างๆพบว่าสาร 5,7-DMF สามารถต้านการอักเสบแบบทันควันได้ดีกว่าแบบเรื้อรัง โดยแสดงฤทธิ์ยับยั้งการบวมของอุ้งเท้าหนูขาวจากสารติดอยู่ราจีนแนน และเคโอลินได้ดีมากยิ่งกว่าฤทธิ์ยั้งการผลิต granuloma จากการฝังสำลีใต้ผิวหนัง ยิ่งไปกว่านี้ พบว่า สาร 5,7-DMF มีฤทธิ์ยับยั้งการเกิด exudation รวมทั้งการผลิตสาร prostaglandin อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต้านการอักเสบในช่องปอดของหนูขาว (rat pleurisy) (สกุลวิวัฒน์ ทัศนียกุล รวมทั้งสว่าง ปั้นทอง,2528)
  2. ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์ สาร 5,7,4'-trimethoxyflavone รวมทั้ง 5,7,3' ,4' –tetramethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ Plasmodium falciparum ที่เป็นต้นเหตุของโรคไข้จับสั่น ส่วนสาร 3,5,7,4'-tetramethoxyflavone และก็ 5,7,4'-trimethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Candida albicans และก็แสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Mycobacterium อย่างอ่อน (Wattanapitayakui S, Nawinprasert A, Herunsalee A, et al,2003)
  3. พิษต่อเซลล์ของมะเร็ง (cytotoxic activity) จากการทดสอบผลของฟลาโวนอยด์ 9 จำพวกของกระชายดำต่อเซลล์ของมะเร็ง ดังเช่นว่า KB , BC หรือ NCI-H187 ไม่พบว่ามีสารใดกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดพิษต่อเซลล์ของมะเร็งที่ทดสอบ (ตระกูลวิวัฒน์ ทัศนียกุล รวมทั้งสว่าง ปั้นทอง,2528)
  4. ฤทธิ์ขยายเส้นเลือดแดง มีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดด้วยเอธานอลของกระชายดำมีฤทธิ์ขยายเส้นเลือดแดงใหญ่ (aorta) ละลดการยุบเกร็งของ ลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ของหนูขาว แล้วก็ยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดของคน.(Yenchai C, Prasaphen K, Doodee S, et al,2004)

การเรียนทางพิษวิทยา

การเรียนรู้พิษเรื้อรังระยะเวลา 6 เดือน ของผงกระชายดำในหนูขาว ในขนาด 20 , 200 , 1000 และ 2000 มก/กิโลกรัม/วัน เทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับน้ำ พบว่า หนูที่ได้รับกระชายดำทุกกรุ๊ปมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อาการแล้วก็สุขภาพไม่ได้ต่างอะไรจากกรุ๊ปควบคุมหนูที่ได้รับกระชายดำขนาด 2000 มก/กก. มีน้ำหนักสโมสรของตับสูงกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง บางทีอาจเพราะเหตุว่ามีน้ำหนักตัวที่ต่ำกว่ากลุ่มควบคุม และก็มีเม็ดเลือดขาวอิโอสิฟิสที่ได้รับกระชายดำ 2000 มก./กก. หรูหราซีรั่มโซเดียมสูงกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญแม้กระนั้นยังอยู่ในตอนค่าธรรมดา ผลการตรวจอวัยวะทางจุลพยาธิวิทยานั้นไม่เจอการเปลี่ยนแปลงที่บ่งชี้ว่ากำเนิดความเป็นพิษของกระชายดำ (ทรงพล ชีวะพัฒน์, ณุฉัตรา จันทร์สุการค้า, ปราณี ชวลิตรักษา และภาควิชา.2547)

ข้อแนะนำ /{ข้อควรระวัง

  • กระชายดำสามารถรับประทานได้ทั้งยังหญิง แล้วก็ชายโดยไม่เกิดผลใกล้กันอะไรก็แล้วแต่ยิ่งสำหรับผู้สูงวัยก็พบว่านิยมใช้กันมานานมากแล้ว
  • ผลข้างเคียงของกระชายดำ การกินในขนาดสูง อาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการใจสั่นได้
  • ห้ามใช้กระชายดำในเด็ก และก็ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ
  • การรับประทานเหง้ากระชายดำติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ อาจจะส่งผลให้เหงือกร่น
  • แม้ว่าจะมีงานวิจัยในสัตว์ทดลองที่กล่าวว่ากระชายดำไม่พบว่ามีความเป็นพิษ แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยเพื่อประเมินประสิทธิผล ของการใช้กระชายดำในคนจำเป็นจะต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะเจาะ เพื่อความปลอดภัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...