วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ถิ่นกำเนิดเเละที่มาสมุนไพรกวาวเครือเเดง

กวาวเครือแดง ประโยชน์สรรพคุณและงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร  กวาวเครือแดง
ชื่อประจำถิ่น  กวาวเครือ (เหนือ)   จานเครือ  (อีสาน)   ตานจอมทอง  (ชุมพร)  โพตะกุ , โพมือ  (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Butea superba  Roxb
ชื่อวงศ์  Leguminosae  วงค์ย่อย   Papilonaceae

ถิ่นกำเนิดกวาวเครือเเดง

เจออยู่มากในรอบๆที่ราบเชิงเขา แล้วก็ เชิงเขาป่าเต็งรัง  ภูเขาหินปูน  ในรอบๆที่มีต้นไม้ต้นไม่หนาแน่นนัก  พบบ่อยอยู่เป็นกลุ่มๆด้านในป่า  อาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากต้นสายปลายเหตุ หมายถึง ติดฝักได้น้อย  ฝักมีขนาดใหญ่ ทำให้แพร่ขยายตำแหน่งเดิมได้ยาก  ต้นกวาวเครือแดง ที่สร้างพุ่มไม้เอง จะมีลักษณะเตี้ย  ส่วนต้นที่เกี่ยวเนื่องกับต้นไม้ใหญ่จะแตกกิ่งไปถึงยอดไม้

ลักษณะทั่วไปของกวาวเครือแดง

กวาวเครือแดงอยู่ในจำพวกไม้เลื้อย เป็นเถาวัลย์ เนื้อแข็ง มักชอบพาดขึ้นกับต้นไม้ใหญ่

  • ใบกวาวเครือแดง ใบใหญ่คล้ายใบต้นทองกวาว  แต่ว่าใบใหญ่กว่า
  • ดอกกวาวเครือแดง ดอกใหญ่เหมือนดอกแคแสด  แม้กระนั้นเป็นพวงระย้าเสมือนดอกทองกวาว
  • หัวกวาวเครือแดง มีหลายขนาดลักษณะทรงกระบอก เมื่อสะกิดที่เปลือก จะมียางสีแดง เหมือนเลือดไหลออกมา
  • รากกวาวเครือแดง มีรากกิ้งก้านขนาดใหญ่  แยกจากเหง้าเลื้อยไปบริเวณหลายเมตร 

การขยายพันธุ์กวาวเครือแดง ทำได้ 3วิธีดังนี้|ดังต่อไปนี้

  • การเพาะเมล็ด โดยการเพาะเม็ดในกระบะขี้เถ้าแกลบประมาณ 45 วัน นำต้นกล้าที่ได้ ปลูกลงถุงเพาะชำโดยใช้ดิน 2 ส่วน ขี้เถ้าแกลบ 1 ส่วน เปลือกมะพร้าว 1 ส่วน ค่า pH ประมาณ 5.5 เมื่อต้นกล้าเจริญวัยได้ 60 วัน ก็เลยนำลงแปลงปลูกที่โล่งแจ้ง  โดยการทำด้วยไม้ไผ่  หรือปลูกร่วมกับไม้ยืนต้นในวิธีการเกษตร เช่น ไผ่  สัก  ปอสา  หรือไม้ผลอื่นๆ พื้นที่ปลูกควรอยู่สูงยิ่งกว่าระดับน้ำทะเล  300-900 เมตร
  • การปักชำ นำเถาที่มีข้อมาปักชำในกระบะ หรือถุงที่ใส่เถ้าถ่านแกลบ  เมื่อเถาแตกรากและยอดแข็งแรงดีแล้ว ก็เลยนำลงแปลงปลูกต่อไป
  • การแบ่งหัวต่อต้น หัวของกวาวเครือ ไม่มีตาที่จะแตกฯลฯใหม่  ควรต้องใช้ส่วนของลำต้นมาต่อเชื่อตามวิธีการแพร่พันธุ์แบบต่อราก  เลี้ยงกิ่ง (nursed root grafting)  สามารถนำหัวกวาวเครือขนาดเล็ก อายุประมาณ 6 ข้างขึ้นไป  และต้นหรือเถาที่เคยทิ้งไปหลังการเก็บเกี่ยวมาแพร่พันธุ์ได้ ข้างหลังการต่อต้นประมาณ 45-60 วัน ก็สามารถนำลงปลูกได้ รวมทั้งมีข้อดีคือสามารถต่อต้นกับหัวผ่านสายพันธุ์ได้

องค์ประกอบทางเคมีของกวาวเครือแดง

            ท่อนหัวของกวาวเครือแดงประกอบด้วยสารไฟโตแอนโดรเจน แล้วก็ไอโซฟลาโม้ลิกแนน 2 ประเภท เช่น Mebicarpin (carpin 3-hydroxy-9methoxypterocarpan); สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ เช่น butenin; formononetin (7-hydroxy_-methoxy-isoflavone); (7,4_-dimethoxyisoflayone); 5,4_-dihydroxy-7-methoxy-isoflavone, 7-hydroxy-6,4_-dimethoxyisoflavone

แอนโทไซยานินมีค่าการดูดกลืนแสงในตอนคลื่น  510-540นาโนเมตร  สารละลายแอนโทไซยานินมีการเปลี่ยนแปลงสีตามค่าความเป็นด่าง (pH) ต่ำจะมีสีแดง pH ปานกลางจะมีสีน้ำเงินม่วงและก็เมื่อ pH สูงจะมีสีเหลืองซีด

สรรพคุณกวาวเครือแดง

  • หัวกวาวเครือแดง รสเย็นเบื่อเมา  บำรุงเนื้อหนังให้เต่งตึง  บำรุงสุขภาพ  เพิ่มสเปิร์ม เป็นยาอายุวัฒนะ

แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย

  • รากกวาวเครือแดง แก้ลมอัมพาต  บำรุงเลือด  ผสมกับรากสมุนไพรอื่นอีก 8 ประเภทเรียกว่า  พิกัดนวโลหะ  แก้โรคลมที่เป็นพิษ  แก้ริดสีดวง  ทำลายพยาธิ  ดับพิษ  ถอนพิษไข้  สมานลำไส้
  • เปลือกเถากวาวเครือแดง รสเย็นเบื่อเมา  แก้พิษงู

ผลดีกวาวเครือแดง

ฤทธิ์ต่อระบบสืบพันธุ์  การเรียนในอาสาสมัครเพศชาย 17 คน อายุระหว่าง 30 – 70 ปี ที่มีลักษณะอาการหย่อนยานสมรรถภาพทางเพศอย่างน้อย 6 เดือน  ให้กินกวาวเครือแดงขนาด 250 มิลลิกรัม/แคปซูล วันละ 4 แคปซูล ตรงเวลา 3 เดือน ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยพบว่าระดับฮอร์โมน testosterone ไม่ต่างจากกรุ๊ปควบคุม  แต่ว่าผลจาการตอบแบบสำรวจเกี่ยวกับดัชนีชี้วัดสมรรถภาพทางเพศ  จากอาสาสมัครพบว่าทำให้สมรรถนะทางเพศดียิ่งขึ้น  82.4 % ฉะนั้น กวาวเครือแดงก็เลยช่วยฟื้นฟูผู้เจ็บป่วยโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ และไม่เจอการเกิดพิษ

รูปแบบและขนาดวิธีใช้กวาวเครือแดง

หน่วยงานของกินและยาของไทย  เจาะจงขนาดแล้วก็การใช้สำหรับเพื่อการรับประทานกวาวเครือแดง  ไม่เกิน  2 มิลลิกรัม  ต่อน้ำหนักตัว  1  กิโลกรัม  ต่อวัน

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของกวาวเครือแดง

ฤทธิ์ต่อระบบขยายพันธุ์  การทดสอบป้อนกวาวเครือแดงในรูปผงป่นละลายน้ำ  และสารสกัดเอทานอล  ให้แก่หนูแรทเพศผู้  ความเข้มข้น 0.25 , 0.5 และก็ 5 มก./มิลลิลิตร  พบว่าหนูแรทที่ได้รับผงกวาวเครือแดงแบบละลายน้ำเข้มข้น 0.5 แล้วก็ 5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เป็นเวลา  21  วัน  ทำให้น้ำหนักตัวของหนูแรท  และก็จำนวนอสุจิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  รวมทั้งหนูแรทที่ได้รับสารสกัดเอทานอลเข้มข้น 5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร 21 วัน มีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal  vesicles ต่อมลูกหมาก  และความยาวขององคชาติ  นำมาซึ่งการทำให้หนูแรทมีความประพฤติปฏิบัติการสิบชนิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อศึกษาต่อไปถึงระยะ 42 วัน พบว่าหนูแรทที่ได้รับผงกวาวเครือแดงแบบละลายน้ำ มีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal  vesicles ต่อมลูกหมาก และความยาวขององคชาติ  และการกระทำการผสมพันธุ์เพิ่มมากขึ้น  แม้กระนั้นหนูกลุ่มที่ได้รับสารสกัดเอทานอล  กลับมีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal  vesicles  น้อยลง  การเล่าเรียนผลของกวาวเครือแดงในระยะยาว  รวมทั้งในจำนวนสารสกัดที่มากขึ้น  พบว่าทำให้ระดับฮอร์โมน testosterone ของหนูแรทน้อยลง  แล้วก็ปริมาณโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับสูงขึ้น  เพราะฉะนั้นการรับประทานกวาวเครือแดงมากเกินความจำเป็น อาจส่งผลให้เกิดพิษต่อตับได้

การศึกษาทางพิษวิทยากวาวเครือแดง

การเล่าเรียนพิษครึ่งเรื้อรังในหนูวิสตาร์เพศผู้โดยป้อนผงกวาวเครือแดงในขนาด 10 , 100 , 150 และก็ 200  มิลลิกรัม/กก/วัน  ตรงเวลา 90 วัน  พบว่าหนูที่รับในขนาด   150  มก./กก/วัน  น้ำหนักของม้ามเพิ่มขึ้น ระดับเอนไซม์ alkalinephosphatase (ALP) แล้วก็ aspartate aminotransferase (AST) เพิ่มขึ้น หนูที่ได้รับขนาด 200 มก./กก/วัน พบว่ามีเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil ลดน้อยลง ส่วนเม็ดเลือดขาวชนิด eosinophil ระดับ serum creatinine  ลดลงระดับฮอร์โมน testosterone ลดน้อยลง ด้วยเหตุดังกล่าวจึงควรระแวดระวังการใช้ในขนาดสูงเนื่องด้วยอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการอันไม่ประสงค์ต่างๆได้

ข้อแนะนำข้อควรระวัง

พืชชนิดนี้มีฤทธิ์เป็นยา เหมือนกับกวาวเครือขาว แต่ว่าเป็นพิษมากกว่า  ถ้าหากรับประทานมากบางทีอาจก่อให้เกิดอันตรายได้อาจจะก่อให้มึนเมาอาเจียนอ้วก.แล้วก็มีพิษเมามากกว่ากวาวเครือขาว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...