วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ถิ่นเกิดเเละที่มาสมุนไพรกวาวเครือเเดง

กวาวเครือแดง ประโยชน์สรรพคุณและงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร  กวาวเครือแดง
ชื่อประจำถิ่น  กวาวเครือ (เหนือ)   จานเครือ  (อีสาน)   ตานจอมทอง  (ชุมพร)  โพตะกุ , โพมือ  (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Butea superba  Roxb
ชื่อวงศ์  Leguminosae  วงค์ย่อย   Papilonaceae

ถิ่นกำเนิดกวาวเครือเเดง

พบอยู่มากมายในรอบๆที่ราบเชิงเขา แล้วก็ ตีนเขาป่าเต็งรัง  ภูเขาหินปูน  ในบริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่ไม่หนาแน่นนัก  พบได้ทั่วไปอยู่เป็นกรุ๊ปๆข้างในป่า  อาจเป็นเพราะเนื่องจากต้นเหตุ หมายถึง ติดฝักได้น้อย  ฝักมีขนาดใหญ่ ทำให้แพร่กระจายตำแหน่งเดิมได้ยาก  ต้นกวาวเครือแดง ที่สร้างพุ่มไม้เอง จะมีลักษณะเตี้ย  ส่วนต้นที่เกี่ยวพันกับต้นไม้ใหญ่จะแตกกิ่งไปถึงยอดไม้

ลักษณะทั่วไปของกวาวเครือแดง

กวาวเครือแดงอยู่ในจำพวกไม้เลื้อย เป็นเถาวัลย์ เนื้อแข็ง มักชอบพาดขึ้นกับต้นไม้ใหญ่

  • ใบกวาวเครือแดง ใบใหญ่คล้ายใบต้นทองคำกวาว  แต่ใบใหญ่กว่า
  • ดอกกวาวเครือแดง ดอกใหญ่คล้ายดอกแคแสด  แต่เป็นพวงระย้าเสมือนดอกทองกวาว
  • หัวกวาวเครือแดง มีหลายขนาดลักษณะทรงกระบอก เมื่อสะกิดที่เปลือก จะมียางสีแดง คล้ายเลือดไหลออกมา
  • รากกวาวเครือแดง มีรากกิ้งก้านขนาดใหญ่  แยกจากเหง้าเลื้อยไปรอบๆหลายเมตร 

การขยายพันธุ์กวาวเครือแดง ทำได้ 3วิธีดังนี้|ดังต่อไปนี้

  • การเพาะเมล็ด โดยการเพาะเม็ดในกระบะเถ้าแกลบโดยประมาณ 45 วัน นำต้นกล้าที่ได้ ปลูกลงถุงเพาะชำโดยใช้ดิน 2 ส่วน เถ้าแกลบ 1 ส่วน เปลือกมะพร้าว 1 ส่วน ค่า pH ราว 5.5 เมื่อต้นกล้าเจริญวัยได้ 60 วัน จึงนำลงแปลงปลูกที่โล่งแจ้ง  โดยการทำด้วยไม้ไผ่  หรือปลูกร่วมกับไม้ยืนต้นในกระบวนการเกษตร ดังเช่นว่า ไผ่  สัก  ปอสา  หรือไม้ผลอื่นๆ พื้นที่ปลูกควรจะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล  300-900 เมตร
  • การปักชำ นำเถาที่มีข้อมาปักชำในกระบะ หรือถุงที่ใส่เถ้าแกลบ  เมื่อเถาแตกรากรวมทั้งยอดแข็งแรงดีแล้ว จึงนำลงแปลงปลูกถัดไป
  • การแบ่งหัวต่อต้น หัวของกวาวเครือ ไม่มีตาที่จะแตกเป็นต้นใหม่  ควรต้องใช้ส่วนของลำต้นมาต่อเชื่อตามแนวทางการแพร่พันธุ์แบบต่อราก  เลี้ยงกิ่ง (nursed root grafting)  สามารถนำหัวกวาวเครือขนาดเล็ก อายุราว 6 ข้างขึ้นไป  และก็ต้นหรือเถาที่เคยทิ้งไปหลังการเก็บเกี่ยวมาขยายพันธุ์ได้ หลังการต่อต้นโดยประมาณ 45-60 วัน ก็สามารถนำลงปลูกได้ และมีจุดเด่นก็คือสามารถต่อต้นกับหัวผ่านสายพันธุ์ได้

องค์ประกอบทางเคมีของกวาวเครือแดง

            ส่วนหัวของกวาวเครือแดงมีสารไฟโตแอนโดรเจน รวมทั้งไอโซฟลาโวลิกแนน 2 จำพวก ตัวอย่างเช่น Mebicarpin (carpin 3-hydroxy-9methoxypterocarpan); สารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ เช่น butenin; formononetin (7-hydroxy_-methoxy-isoflavone); (7,4_-dimethoxyisoflayone); 5,4_-dihydroxy-7-methoxy-isoflavone, 7-hydroxy-6,4_-dimethoxyisoflavone

แอนโทไซยานินมีค่าการดูดกลืนแสงในตอนคลื่น  510-540นาโนเมตร  สารละลายแอนโทไซยานินมีความเคลื่อนไหวสีตามค่าความเป็นด่าง (pH) ต่ำจะมีสีแดง pH ปานกลางจะมีสีน้ำเงินม่วงและก็เมื่อ pH สูงจะมีสีเหลืองซีดเผือด

สรรพคุณกวาวเครือแดง

  • หัวกวาวเครือแดง รสเย็นเบื่อเมา  บำรุงเนื้อหนังให้เต่งตึง  บำรุงสุขภาพ  เพิ่มน้ำอสุจิ เป็นยาอายุวัฒนะ

แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย

  • รากกวาวเครือแดง แก้ลมอัมพาต  บำรุงเลือด  ผสมกับรากสมุนไพรอื่นอีก 8 ประเภทเรียกว่า  พิกัดนวโลหะ  แก้โรคลมที่เป็นพิษ  แก้ริดสีดวง  ทำลายพยาธิ  ดับพิษ  ถอนพิษไข้  สมานลำไส้
  • เปลือกเถากวาวเครือแดง รสเย็นเบื่อเมา  แก้พิษงู

ผลดีกวาวเครือแดง

ฤทธิ์ต่อระบบสืบพันธุ์  การเล่าเรียนในอาสาสมัครผู้ชาย 17 คน อายุระหว่าง 30 – 70 ปี ที่มีลักษณะหย่อนยานสมรรถนะทางเพศอย่างน้อย 6 เดือน  ให้รับประทานกวาวเครือแดงขนาด 250 มิลลิกรัม/แคปซูล วันละ 4 แคปซูล ตรงเวลา 3 เดือน ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยพบว่าระดับฮอร์โมน testosterone ไม่ได้ต่างอะไรจากกรุ๊ปควบคุม  แม้กระนั้นผลจาการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับดัชนีชี้วัดสมรรถภาพทางเพศ  จากอาสาสมัครพบว่าทำให้สมรรถภาพทางเพศดียิ่งขึ้น  82.4 % ฉะนั้น กวาวเครือแดงก็เลยช่วยฟื้นฟูคนป่วยโรคเสื่อมความสามารถทางเพศได้ และไม่พบการเกิดพิษ

รูปแบบและขนาดวิธีใช้กวาวเครือแดง

องค์การอาหารแล้วก็ยาของไทย  ระบุขนาดและก็การใช้ในการกินกวาวเครือแดง  ไม่เกิน  2 มิลลิกรัม  ต่อน้ำหนักตัว  1  กิโลกรัม  ต่อวัน

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของกวาวเครือแดง

ฤทธิ์ต่อระบบแพร่พันธุ์  การทดสอบป้อนกวาวเครือแดงในรูปผงป่นละลายน้ำ  รวมทั้งสารสกัดเอทานอล  ให้แก่หนูแรทเพศผู้  ความเข้มข้น 0.25 , 0.5 และก็ 5 มก./มล.  พบว่าหนูแรทที่ได้รับผงกวาวเครือแดงแบบละลายน้ำเข้มข้น 0.5 แล้วก็ 5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ตรงเวลา  21  วัน  ทำให้น้ำหนักตัวของหนูแรท  แล้วก็ปริมาณสเปิร์มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  รวมทั้งหนูแรทที่ได้รับสารสกัดเอทานอลเข้มข้น 5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร 224 ชั่วโมง มีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal  vesicles ต่อมลูกหมาก  แล้วก็ความยาวขององคชาติ  นำมาซึ่งการทำให้หนูแรทมีความประพฤติปฏิบัติการสิบจำพวกมากขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อศึกษาต่อไปถึงระยะ 42 วัน พบว่าหนูแรทที่ได้รับผงกวาวเครือแดงแบบละลายน้ำ มีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal  vesicles ต่อมลูกหมาก รวมทั้งความยาวขององคชาติ  แล้วก็ความประพฤติปฏิบัติการสืบพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ  แม้กระนั้นหนูกรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดเอทานอล  กลับมีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal  vesicles  น้อยลง  การเรียนรู้ผลของกวาวเครือแดงในระยะยาว  และก็ในจำนวนสารสกัดที่มากขึ้น  พบว่าทำให้ระดับฮอร์โมน testosterone ของหนูแรทลดน้อยลง  และจำนวนเอนไซม์ตับสูงมากขึ้น  เพราะฉะนั้นการรับประทานกวาวเครือแดงมากจนเกินไป อาจจะทำให้กำเนิดพิษต่อตับได้

การศึกษาทางพิษวิทยากวาวเครือแดง

การเรียนพิษครึ่งหนึ่งเรื้อรังในหนูวิสตาร์เพศผู้โดยป้อนผงกวาวเครือแดงในขนาด 10 , 100 , 150 แล้วก็ 200  มิลลิกรัม/กก/วัน  ตรงเวลา 90 วัน  พบว่าหนูที่รับในขนาด   150  มก./กก/วัน  น้ำหนักของม้ามมากขึ้น ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี alkalinephosphatase (ALP) และ aspartate aminotransferase (AST) เพิ่มขึ้น หนูที่ได้รับขนาด 200 มิลลิกรัม/กก/วัน พบว่ามีเม็ดเลือดขาวประเภท neutrophil ลดน้อยลง ส่วนเม็ดเลือดขาวชนิด eosinophil ระดับ serum creatinine  ต่ำลงระดับฮอร์โมน testosterone ลดน้อยลง โดยเหตุนั้นจำเป็นต้องรอบคอบการใช้ในขนาดสูงเนื่องจากอาจจะทำให้กำเนิดอาการอันไม่ปรารถนาต่างๆได้

ข้อแนะนำข้อควรระวัง

พืชประเภทนี้มีฤทธิ์เป็นยา เหมือนกับกวาวเครือขาว แต่ว่าเป็นพิษมากยิ่งกว่า  ถ้าหากกินมากมายอาจก่อให้เกิดอันตรายได้อาจก่อให้มึนเมาคลื่นไส้อาเจียน.และมีพิษเมามากกว่ากวาวเครือขาว

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สรรพคุณกวาวเครือเเดง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...