วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

สุดยอดสรรพคุณกระชายดำอันน่าทึ่ง

กระชายดำ ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร กระชายดำ

ชื่ออื่นๆ/ ชื่อแคว้น กระชายม่วง , ว่านเพชรดำ , ขิงทราย (มหาสารคาม) , ว่านตกตะลึง , ว่านพญานกยูง , ว่านว่านกำบัง ,ว่านกำบัง , ว่านกำบังภัย , กะแอน . ระแอน (ภาคเหนือ)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Kaempferia parviflora Wallich. ex Baker

ชื่อวงศ์Zingiberaceae

ถิ่นกำเนิดกระชายดำ

มีถิ่นเกิดในเอเซียอาคเนย์ เจอได้หนาแน่นในแถบมาเลเซีย สุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดจีน และในประเทศไทย แล้วก็มีเขตผู้กระทำระจายจำพวกทั่วๆไปในเอเชียเขตร้อน ในประเทศจีนตอนใต้ ประเทศอินเดีย และประเทศพม่า สำหรับประเทศไทยนั้นมีการปลูกกระชายดำมากในจังหวัดเลย ตาก กาญจนบุรี แล้วก็จังหวัดอื่นๆทางภาคเหนือ

ลักษณะทั่วไปของกระชายดำ

กระชายดำจัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุยาวนานหลายปีมีเหง้าอยู่โต้ดิน โดยในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • เหง้ากระชายดำ นั้นมีลักษณะเป็นทรงกลม เป็นปุ่มป่นเรียงต่อกัน รวมทั้งมักมีขนาดเท่าๆกัน มีหลายเหง้าและอวบน้ำ ผิวเหง้ามีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาบเข้ม รวมทั้งบางทีอาจเจอรอยที่ผิวเหง้าเป็นบริเวณที่จะแตกออกของต้นใหม่ ส่วนเนื้อภายในชองเหง้ามีสีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนกระทั่งม่วงดำ เหง้ามีกลิ่นหอมสดชื่นเฉพาะบุคคล และก็มีรสชาติขมนิดหน่อย โดยกระชายดำที่ดีนั้นควรจะมีสีม่วงเข้มถึงสีดำ
  • ใบกระชายดำ มีใบเป็นใบผู้เดียว ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ มีความกว้างโดยประมาณ 5 – 10 ซม. และยาวโดยประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบใบหยักตามเส้นใบ ผิว ในเป็นร่องคลื่นตลอดใบตามแนวของเส้นใบ ใบมีสีเขียวสด ส่วนโคนก้านใบมีลักษณะเป็นกาบห่อหุ้มลำต้นไว้ ขอบก้านใบมีสีแดงตลอดความยาวของก้าน ส่วนกลางก้านเป็นร่องลึก
  • ดอกกระชายดำ ดอกออกเป็นช่อแทรกขึ้นมาจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกมีความยาวราว 5 – 6 เซนติเมตร กลีบที่ส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาวโดยประมาณ 3 - 3.2 ซม. ที่ปลายแยกเป็นแฉก เกสรตัวผู้เป็นหมัน มีสีขาว ลักษณะเป็นรูปขอบขนาด มีความกว้างโดยประมาณ 3 มิลลิเมตร รวมทั้งยาวประมาณ 10 -13 มิลลิเมตร ส่วนกลีบปลายมีสีม่วง

การขยายพันธุ์กระชายดำ

แพร่พันธุ์โดยการใช้หัวหรือแยกหน่อ ปลูกได้ตลอดปี แม้กระนั้นฤดูที่เหมาะสมอยู่ในระหว่างมี.ค. – เดือนพฤษภาคม การเตรียมหัวกระชายดำสำหรับปลูก หัวกระชายดำหัวหนึ่งจะมีหลายแง่ง ให้บิ (หัก) ออกมาเป็นแง่งๆหากแง่งเล็กก็ 2 – 3 แง่ง ถ้าแง่งใหญ่บริบูรณ์ก็แค่แง่งเดียวก็พอเพียง เพราะว่าเมื่อกระชายดำโตขึ้น กระชายดำก็จะแตกหน่อ และก็กำเนิดหัวกระชายดำหัวใหม่ขึ้นมาแทน และจะขยายหัวแล้วก็หน่อออกไปเรื่อยจะมากหรือน้อยขึ้นกับการดูแลและรักษา ท่อนหัวหรือแง่งที่ใช้ปลูกเอาไว้ในตอนแรกที่เหี่ยวและก็แห้งไปท้ายที่สุด ก่อนนำไปปลูก ควรจะทารอยแผลของแง่งกระชายดำที่ถูกลบออกมาด้วยปูนรับประทานหมาก หรือจะจุ่มน้ำยากันเชื้อราก็ได้ แล้วผึ่งในที่ร่มจนหมดหรือแห้ง แล้วจึงนำไปปลูก การปลูกกระชายดำก็อย่างกับการปลูกกระชายปกติโดยปกติ สามารถปลุกได้ดีในดินร่วนซุย การระบายน้ำดี แต่ระวังไม่ให้น้ำท่วมขัง เนื่องจากจะก่อให้หัวหรือเหง้าบูดเน่าได้ง่ายส่วนในดินเหนียว รวมทั้งดินแดงไม่ค่อยจะสมควรนัก โดยธรรมชาติรวมทั้งกระชายดำขอบขึ้นตามร่มไม้ในป่าดงดิบ แล้วก็ป่าเบญจพรรณทั่วไป แต่ในที่โล่งแจ้งก็สามารถปลูกได้

องค์ประกอบทางเคมีของกระชายดำ

ข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์พบว่า ในเหง้ากระชายดำมีน้ำมันหอมระเหยแต่ว่าเจอในจำนวนน้อย (ราวจำนวนร้อยละ 1 – 3) น้ำมันหอมระเหยของกระชายดำประกอบด้วยสารเคมีหลายแบบ ได้แก่ 1.8-cineol,camphor, d-borneol และก็ methyl cinnamate น้ำมันหอมระเหยที่พบส่วนน้อย ยกตัวอย่างเช่น d-pinene, zingiberene , zingiberone, curcumin แล้วก็ zedoarin นอกเหนือจากนั้น ยังเจอสารอื่น อาทิเช่น กรุ๊ปไดไฮโดรซาลโคน pincocembrin แล้วก็กล่มุซาลโคน (ยกตัวอย่างเช่น 2 , 4 , 6-trihydroxy chalcone แล้วก็ cardamonin)(ณาตยา ธนะศิริวัฒนา, สุนิดาในตะกั่วทุ่ง, ธนนันต์ ฐานะจาโร,2540)

สูตรส่วนประกอบทางเคมีสารกลุ่ม chalconeที่มา Rein (2005)

สูตรโครงสร้างทางเคมีสารกลุ่ม Anthocyanin

ที่มา Castaneda-Ovando et al. (2009)

คุณประโยชน์กระชายดำ

ใช้บำรุงกำลัง แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวรวมทั้งอาการเหนื่อย รวมทั้งเพิ่มสมรรถภาพทางเพศขับลม เป็นยาอายุวัฒนะ แก้จุกเสียด แก้ปวดท้อง หรือตำกับเหล้าขาวคั้นน้ำกิน แก้โรคมดลูกทุพพลภาพ มดลูกหย่อน ใช้กวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก หรือต้มดื่มแก้โรคตา ช่วยทำนุบำรุงฮอร์โมนเพศชาย แก้กามตายด้าน ด้วยการใช้เหง้ากระชายดำสดนำมาดองกับเหล้าขาวแล้วก็น้ำผึ้งแท้ (ในอัตราส่วน 1 กิโล : เหล้าขาว 3 ขวด : น้ำผึ้ง 1 ขวด) ดองทิ้งไว้ประมาณ 9 – 15 วัน แล้วประยุกต์ใช้ดื่มวันละ 1 – 2 เป๊ก (กระชายดำไม่ได้เป็นยาปลุกอารมณ์ทางเพศ แต่ว่าช่วงเวลาการแข็งตัวที่นานขึ้น และสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาดังที่ได้กล่าวมาแล้วก็สามารถกินเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงแรกขึ้นได้)ถ้าเกิดคุณผู้หญิงทานแล้วจะช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนทางเพศ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ร่างกายสดชื่น ช่วยสำหรับการนอนหลับ แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในค่ำคืน ช่วยทำให้นอนหลับดีขึ้น

รูปแบบ , ขนาดวิธีการใช้

สำหรับวิธีการใช้กระชายดำเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาพาราท้อง แก้โรคบิด และลมป่วงทุกชนิด

  • ถ้าหากเป็นเหง้าสด ให้ใช้ราว 4 – 5 นำมาดองกับเหล้าขาว 1 ขวดก่อนเอามากินเป็นอาหารค่ำ ในปริมาณ 30 cc. หรือ จะฝานเป็นแว่นบางๆแช่กับน้ำดื่ม หรือนำมาดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1
  • หากเป็นเหง้าแห้งก็ให้ใช้ดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1 ต่อ นาน 7 วัน แล้วประยุกต์ใช้ดื่มก่อนนอน
  • แม้เป็นแบบชงหรือแบบผง ให้ใช้ผงแห้ง 1 ซอง ชงกับน้ำร้านค้า 1 แก้ว (ขนาน 120 cc.) รวมทั้งแต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลตามความจำเป็น แล้วนำมาดื่ม

การเรียนทางเภสัชวิทยาของกระชายดำ

  1. ฤทธิ์ต่อต้านอักเสบ สาร 5,7 – ได้เมธอกซีฟลาโม้น (5,7-DMF) ที่แยกได้จากเหง้ากระชายดำ มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบเทียบเคียงได้กับยามาตรฐานหลากหลายประเภทหมายถึงแอสไพริน , อินโดเมธาซิน , ไฮไดรคอร์ติโซน และก็เพรดนิโซโลน จากการเรียนรู้ฤทธิ์ต้านทานอักเสบของสารนี้ ในสัตว์ทดสอบด้วยวิธีการต่างๆพบว่าสาร 5,7-DMF สามารถต่อต้านการอักเสบแบบฉับพลันได้ดีมากว่าแบบเรื้อรัง โดยแสดงฤทธิ์ยับยั้งการบวมของอุ้งเท้าหนูขาวจากสารคาราจีนแนน และเคโอลินได้ดียิ่งไปกว่าฤทธิ์ยั้งการผลิต granuloma จากการฝังสำลีใต้ผิวหนัง ยิ่งไปกว่านี้ พบว่า สาร 5,7-DMF มีฤทธิ์ยับยั้งการเกิด exudation รวมทั้งการสร้างสาร prostaglandin อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต้านการอักเสบในช่องปอดของหนูขาว (rat pleurisy) (วงศ์วิวัฒน์ ทัศนียกุล รวมทั้งสว่าง ปั้นทอง,2528)
  2. ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์ สาร 5,7,4'-trimethoxyflavone และก็ 5,7,3' ,4' –tetramethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ Plasmodium falciparum ที่เป็นสาเหตุของโรคไข้มาลาเรีย ส่วนสาร 3,5,7,4'-tetramethoxyflavone และ 5,7,4'-trimethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Candida albicans และก็แสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Mycobacterium อย่างอ่อน (Wattanapitayakui S, Nawinprasert A, Herunsalee A, et al,2003)
  3. พิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง (cytotoxic activity) จากการทดลองผลของฟลาโวนอยด์ 9 ชนิดของกระชายดำต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง เป็นต้นว่า KB , BC หรือ NCI-H187 ไม่พบว่ามีสารใดนำมาซึ่งการก่อให้เกิดพิษต่อเซลล์มะเร็งที่ทดสอบ (วงศ์พัฒนา ทัศนียกุล และสว่าง ปั้นทอง,2528)
  4. ฤทธิ์ขยายหลอดเลือดแดง มีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดด้วยเอธานอลของกระชายดำมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดแดงใหญ่ (aorta) ละลดการหดเกร็งของ ลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ของหนูขาว และยับยั้งการเกาะกรุ๊ปของเกล็ดเลือดของคน.(Yenchai C, Prasaphen K, Doodee S, et al,2004)

การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา

การเรียนพิษเรื้อรังช่วงเวลา 6 เดือน ของผงกระชายดำในหนูขาว ในขนาด 20 , 200 , 1000 และก็ 2000 มก/กิโลกรัม/วัน เทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับน้ำ พบว่า หนูที่ได้รับกระชายดำทุกกรุ๊ปมีน้ำหนักตัวที่มากขึ้น อาการและก็สุขภาพไม่ได้มีความแตกต่างจากกลุ่มควบคุมหนูที่ได้รับกระชายดำขนาด 2000 มก/กก. มีน้ำหนักชมรมของตับสูงกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง บางทีอาจเหตุเพราะมีน้ำหนักตัวที่ต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม แล้วก็มีเม็ดเลือดขาวอิโอสิฟิสที่ได้รับกระชายดำ 2000 มก./กิโลกรัม หรูหราซีรั่มโซเดียมสูงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจังแม้กระนั้นยังอยู่ในช่วงค่าธรรมดา ผลของการตรวจอวัยวะทางจุลพยาธิวิทยานั้นไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่ระบุว่ากำเนิดความเป็นพิษของกระชายดำ (ทรงพล ชีวะพัฒน์, ณุฉัตรา จันทร์สุการค้าขาย, ปราณี ชวลิตรักษา แล้วก็ภาควิชา.2547)

ข้อแนะนำ /{ข้อควรระวัง

  • กระชายดำสามารถกินได้ทั้งยังหญิง รวมทั้งชายโดยไม่เกิดผลข้างๆใดๆยิ่งสำหรับผู้สูงอายุก็พบว่านิยมใช้กันมานานมากแล้ว
  • ผลกระทบของกระชายดำ การรับประทานในขนาดสูง อาจจะส่งผลให้เกิดอาการใจสั่นได้
  • ห้ามใช้กระชายดำในเด็ก แล้วก็ในคนป่วยที่เป็นโรคตับ
  • การกินเหง้ากระชายดำต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่นานๆ อาจส่งผลให้เหงือกร่น
  • แม้จะมีงานค้นคว้าในสัตว์ทดสอบที่กล่าวว่ากระชายดำไม่พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อประเมินประสิทธิผล ของการใช้กระชายดำในคนจะต้องกินในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความปลอดภัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...