วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ยอดเยี่ยมอัศจรรย์คุณประโยชน์กระชายดำ

กระชายดำ ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร กระชายดำ

ชื่ออื่นๆ/ ชื่อเขตแดน กระชายม่วง , ว่านเพชรดำ , ขิงทราย (มหาสารคาม) , ว่านตกตะลึง , ว่านพญานกยูง , ว่านว่านกำบัง ,ว่านกำบัง , ว่านกำบังภัย , กะแอน . ระแอน (ภาคเหนือ)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Kaempferia parviflora Wallich. ex Baker

ชื่อวงศ์Zingiberaceae

ถิ่นกำเนิดกระชายดำ

มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้หนาแน่นในแถบมาเลเซีย เกะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดจีน และก็ในประเทศไทย แล้วก็มีเขตผู้กระทำระจายจำพวกทั่วๆไปในทวีปเอเชียเขตร้อน ในประเทศจีนตอนใต้ อินเดีย และก็เมียนมาร์ สำหรับประเทศไทยนั้นมีการปลูกกระชายดำมากมายในจังหวัดเลย ตาก จังหวัดกาญจนบุรี และก็จังหวัดอื่นๆทางภาคเหนือ

ลักษณะทั่วไปของกระชายดำ

กระชายดำจัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปีมีเหง้าอยู่โต้ดิน โดยในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • เหง้ากระชายดำ นั้นมีลักษณะเป็นทรงกลม เป็นปุ่มป่นเรียงต่อกัน และก็มักมีขนาดเท่าๆกัน มีหลายเหง้าแล้วก็อวบน้ำ ผิวเหง้ามีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาบเข้ม และก็อาจเจอรอยที่ผิวเหง้าเป็นรอบๆที่จะผลิออกของต้นใหม่ ส่วนเนื้อข้างในชองเหง้ามีสีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนถึงม่วงดำ เหง้ามีกลิ่นหอมสดชื่นส่วนตัว รวมทั้งมีรสชาติขมบางส่วน โดยกระชายดำที่ดีนั้นควรมีสีม่วงเข้มถึงสีดำ
  • ใบกระชายดำ มีใบเป็นใบเดี่ยว ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ มีความกว้างราวๆ 5 – 10 เซนติเมตร และยาวราว 10 – 15 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบหยักตามเส้นใบ ผิว ในเป็นร่องคลื่นตลอดใบตามแนวของเส้นใบ ใบมีสีเขียวสด ส่วนโคนก้านใบมีลักษณะเป็นกาบห่อลำต้นไว้ ขอบก้านใบมีสีแดงตลอดความยาวของก้าน ศูนย์กลางก้านเป็นร่องลึก
  • ดอกกระชายดำ ดอกออกเป็นช่อแทรกขึ้นมาจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกมีความยาวราว 5 – 6 ซม. กลีบดอกไม้ที่ส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาวประมาณ 3 - 3.2 ซม. ที่ปลายแยกเป็นแฉก เกสรตัวผู้เป็นหมัน มีสีขาว ลักษณะเป็นรูปขอบขนาด มีความกว้างราว 3 มม. รวมทั้งยาวโดยประมาณ 10 -13 มม. ส่วนกลีบปลายมีสีม่วง

การขยายพันธุ์กระชายดำ

แพร่พันธุ์โดยการใช้หัวหรือแยกหน่อ ปลูกได้ทั้งปี แต่ฤดูที่เหมาะสมอยู่ในระหว่างมี.ค. – พฤษภาคม การเตรียมหัวกระชายดำสำหรับปลูก หัวกระชายดำหัวหนึ่งจะมีหลายแง่ง ให้บิ (หัก) ออกมาเป็นแง่งๆถ้าเกิดแง่งเล็กก็ 2 – 3 แง่ง ถ้าแง่งใหญ่สมบูรณ์ก็แค่แง่งเดียวก็พอ เพราะเหตุว่าเมื่อกระชายดำโตขึ้น กระชายดำก็จะแตกหน่อ รวมทั้งเกิดหัวกระชายดำหัวใหม่ขึ้นมาแทน และจะขยายหัวและหน่อออกไปเรื่อยจะมากหรือน้อยขึ้นกับการดูแลรักษา ส่วนหัวหรือแง่งที่ใช้ปลูกในตอนต้นที่เฉารวมทั้งแห้งไปสุดท้าย ก่อนนำไปปลูก ควรทารอยแผลของแง่งกระชายดำที่ถูกหักออกมาด้วยปูนรับประทานหมาก หรือจะจุ่มลงน้ำยากันเชื้อราก็ได้ แล้วผึ่งในที่ร่มจนหมดหรือแห้ง แล้วจึงนำไปปลูก การปลูกกระชายดำก็ราวกับการปลูกกระชายปกติโดยทั่วไป สามารถปลุกก้าวหน้าในดินซึ่งร่วนซุย การระบายน้ำดี แต่ระวังอย่าให้อุทกภัยขัง ด้วยเหตุว่าจะทำให้หัวหรือเหง้าเน่าเหม็นได้ง่ายส่วนในดินเหนียว แล้วก็ดินแดงไม่ค่อยจะสมควรนัก โดยธรรมชาติและกระชายดำขอบขึ้นตามร่มไม้ในป่าดงดิบ แล้วก็ป่าเบญจพรรณทั่วไป แต่ในที่โล่งแจ้งก็สามารถปลูกได้

องค์ประกอบทางเคมีของกระชายดำ

ข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์พบว่า ในเหง้ากระชายดำมีน้ำมันหอมระเหยแต่ว่าเจอในจำนวนน้อย (ราวจำนวนร้อยละ 1 – 3) น้ำมันหอมระเหยของกระชายดำมีสารเคมีหลายประเภท ดังเช่นว่า 1.8-cineol,camphor, d-borneol และก็ methyl cinnamate น้ำมันหอมระเหยที่เจอส่วนน้อย อาทิเช่น d-pinene, zingiberene , zingiberone, curcumin รวมทั้ง zedoarin ยิ่งไปกว่านี้ ยังพบสารอื่น ดังเช่น กลุ่มไดไฮโดรซาลโคน pincocembrin และกล่มุซาลโคน (ได้แก่ 2 , 4 , 6-trihydroxy chalcone และ cardamonin)(ณาตยา ธนะศิริวัฒนา, สุนิดาในตะกั่วทุ่ง, ธนนันต์ ฐานะจาโร,2540)

สูตรองค์ประกอบทางเคมีสารกรุ๊ป chalconeที่มา Rein (2005)

สูตรส่วนประกอบทางเคมีสารกรุ๊ป Anthocyanin

ที่มา Castaneda-Ovando et al. (2009)

สรรพคุณกระชายดำ

ใช้บำรุงกำลัง แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวรวมทั้งอาการเมื่อยล้า และเพิ่มสมรรถนะทางเพศขับลม เป็นยาอายุวัฒนะ แก้จุกเสียด แก้เจ็บท้อง หรือตำกับเหล้าขาวคั้นน้ำกิน แก้โรคมดลูกพิการ มดลูกหย่อน ใช้กวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก หรือต้มดื่มแก้โรคตา ช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศชาย แก้กามตายด้าน ด้วยการใช้เหง้ากระชายดำสดเอามาดองกับเหล้าขาวแล้วก็น้ำผึ้งแท้ (ในอัตราส่วน 1 กิโลกรัม : เหล้าขาว 3 ขวด : น้ำผึ้ง 1 ขวด) ดองทิ้งไว้ราวๆ 9 – 15 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มวันละ 1 – 2 เป๊ก (กระชายดำไม่ได้เป็นยาเร้าอารมณ์ทางเพศ แม้กระนั้นระยะเวลาการแข็งตัวนานขึ้น รวมทั้งสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้นก็สามารถกินเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรกขึ้นได้)แม้คุณผู้หญิงทานแล้วจะช่วยสำหรับปรับสมดุลของฮอร์โมนทางเพศ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ช่วยในการนอนหลับ แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในช่วงเวลาค่ำคืน ช่วยทำให้นอนหลับดียิ่งขึ้น

รูปแบบ , ขนาดวิธีการใช้

สำหรับวิธีการใช้กระชายดำเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาพาราท้อง แก้โรคบิด และลมป่วงทุกชนิด

  • ถ้าเกิดเป็นเหง้าสด ให้ใช้โดยประมาณ 4 – 5 เอามาดองกับเหล้าขาว 1 ขวดก่อนเอามารับประทานเป็นข้าวเย็น ในปริมาณ 30 cc. หรือ จะฝานเป็นแว่นบางๆแช่กับน้ำกิน หรือเอามาดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1
  • ถ้าเป็นเหง้าแห้งก็ให้ใช้ดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1 ต่อ นาน 7 วัน แล้วประยุกต์ใช้ดื่มก่อนนอน
  • ถ้าหากเป็นแบบชงหรือแบบผง ให้ใช้ผงแห้ง 1 ซอง ชงกับน้ำร้านค้า 1 แก้ว (ขนาน 120 cc.) แล้วก็แต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลตามความอยากได้ แล้วเอามาดื่ม

การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของกระชายดำ

  1. ฤทธิ์ต้านอักเสบ สาร 5,7 – ได้การบูชายัญอกซีฟลาโม้น (5,7-DMF) ที่แยกได้จากเหง้ากระชายดำ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบเทียบได้กับยามาตรฐานหลายประเภทหมายถึงแอสไพริน , อินโดเมธาสิน , ไฮไดรคอร์ติโซน รวมทั้งเพรดนิโซโลน จากการเรียนฤทธิ์ต้านอักเสบของสารนี้ ในสัตว์ทดลองด้วยวิธีการต่างๆพบว่าสาร 5,7-DMF สามารถต้านการอักเสบแบบเฉียบพลันได้ดีมากยิ่งกว่าแบบเรื้อรัง โดยแสดงฤทธิ์ยั้งการบวมของอุ้งเท้าหนูขาวจากสารคาราจีนแนน และก็เคโอลินได้ดีมากยิ่งกว่าฤทธิ์ยับยั้งการสร้าง granuloma จากการฝังสำลีใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ พบว่า สาร 5,7-DMF มีฤทธิ์ยั้งการเกิด exudation รวมทั้งการสร้างสาร prostaglandin อย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเรียนฤทธิ์ต้านทานการอักเสบในช่องปอดของหนูขาว (rat pleurisy) (สกุลพัฒนา ทัศนียกุล แล้วก็สว่าง ปั้นทองคำ,2528)
  2. ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์ สาร 5,7,4'-trimethoxyflavone แล้วก็ 5,7,3' ,4' –tetramethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ Plasmodium falciparum ที่เป็นสาเหตุของโรคไข้มาลาเรีย ส่วนสาร 3,5,7,4'-tetramethoxyflavone และ 5,7,4'-trimethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Candida albicans รวมทั้งแสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Mycobacterium อย่างอ่อน (Wattanapitayakui S, Nawinprasert A, Herunsalee A, et al,2003)
  3. พิษต่อเซลล์ของมะเร็ง (cytotoxic activity) จากการทดสอบผลของฟลาโวนอยด์ 9 ประเภทของกระชายดำต่อเซลล์ของมะเร็ง ดังเช่น KB , BC หรือ NCI-H187 ไม่พบว่ามีสารใดทำให้มีการเกิดพิษต่อเซลล์มะเร็งที่ทดลอง (ตระกูลความเจริญรุ่งเรือง ทัศนียกุล และสว่าง ปั้นทองคำ,2528)
  4. ฤทธิ์ขยายเส้นโลหิตแดง มีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดด้วยเอธานอลของกระชายดำมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดแดงใหญ่ (aorta) ละลดการหดเกร็งของ ลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ของหนูขาว และก็ยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดของคน.(Yenchai C, Prasaphen K, Doodee S, et al,2004)

การศึกษาทางพิษวิทยา

การเรียนพิษเรื้อรังช่วงเวลา 6 เดือน ของผงกระชายดำในหนูขาว ในขนาด 20 , 200 , 1000 แล้วก็ 2000 มก/กิโลกรัม/วัน เทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับน้ำ พบว่า หนูที่ได้รับกระชายดำทุกกรุ๊ปมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อาการและสุขภาพไม่ได้ต่างอะไรจากกลุ่มควบคุมหนูที่ได้รับกระชายดำขนาด 2000 มก/กก. มีน้ำหนักสมาคมของตับสูงขึ้นมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง บางทีอาจเนื่องจากว่ามีน้ำหนักตัวที่ต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม และก็มีเม็ดเลือดขาวอิโอสิฟิสที่ได้รับกระชายดำ 2000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม มีระดับซีรั่มโซเดียมสูงขึ้นยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจังแม้กระนั้นยังอยู่ในตอนค่าปกติ ผลการตรวจอวัยวะทางจุลพยาธิวิทยานั้นไม่เจอความเคลื่อนไหวที่บ่งชี้ว่าเกิดความเป็นพิษของกระชายดำ (ทรงพล ชีวะพัฒน์, ณุฉัตรา จันทร์สุการซื้อขาย, ปราณี ชวลิตธำรง และคณะ.2547)

ข้อแนะนำ /{ข้อควรระวัง

  • กระชายดำสามารถกินได้ทั้งหญิง และชายโดยไม่เกิดผลข้างๆอะไรก็ตามยิ่งสำหรับผู้สูงอายุก็พบว่านิยมใช้กันมานานมากแล้ว
  • ผลข้างเคียงของกระชายดำ การรับประทานในขนาดสูง อาจก่อให้กำเนิดอาการใจสั่นได้
  • ห้ามใช้กระชายดำในเด็ก และก็ในคนไข้ที่เป็นโรคตับ
  • การกินเหง้ากระชายดำติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ อาจทำให้เหงือกร่น
  • แม้ว่าจะมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยในสัตว์ทดสอบที่ระบุว่ากระชายดำไม่พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยเพื่อประเมินประสิทธิผล ของการใช้กระชายดำในคนควรต้องรับประทานในจำนวนที่พอเหมาะ เพื่อให้มีความปลอดภัย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ประโยชน์กระชายดำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...