วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ลักษณะทั่วไปของกระชายดำสรรพคุณประโยชน์กระชายดำ

กระชายดำ ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร กระชายดำ

ชื่ออื่นๆ/ ชื่อเขตแดน กระชายม่วง , ว่านเพชรดำ , ขิงทราย (มหาสารคาม) , ว่านตกตะลึง , ว่านพญานกยูง , ว่านกั้นบัง ,ว่านกำบัง , ว่านกำบังภัย , กะแอน . ระแอน (ภาคเหนือ)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Kaempferia parviflora Wallich. ex Baker

ชื่อวงศ์Zingiberaceae

ถิ่นกำเนิดกระชายดำ

มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอได้หนาแน่นในแถบมาเลเซีย เกะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดจีน รวมทั้งในประเทศไทย และมีเขตการกระจายจำพวกทั่วไปในเอเชียเขตร้อน ในประเทศจีนตอนใต้ ประเทศอินเดีย และพม่า สำหรับประเทศไทยนั้นมีการปลูกกระชายดำมากในจังหวัดเลย ตาก กาญจนบุรี และจังหวัดอื่นๆทางภาคเหนือ

ลักษณะทั่วไปของกระชายดำ

กระชายดำจัดเป็นไม้ล้มลุกแก่ยาวนานหลายปีมีเหง้าอยู่โต้ดิน โดยในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้

  • เหง้ากระชายดำ นั้นมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม เป็นปุ่มป่นเรียงต่อกัน และก็มักมีขนาดเท่าๆกัน มีหลายเหง้ารวมทั้งอวบน้ำ ผิวเหง้ามีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาบเข้ม และบางทีอาจพบรอยที่ผิวเหง้าเป็นรอบๆที่จะแตกหน่อของต้นใหม่ ส่วนเนื้อด้านในชองเหง้ามีสีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนกระทั่งม่วงดำ เหง้ามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีรสชาติขมน้อย โดยกระชายดำที่ดีนั้นจะต้องมีสีม่วงเข้มถึงสีดำ
  • ใบกระชายดำ มีใบเป็นใบลำพัง ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ มีความกว้างราว 5 – 10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10 – 15 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบหยักตามเส้นใบ ผิว ในเป็นร่องคลื่นตลอดใบตามแนวของเส้นใบ ใบมีสีเขียวสด ส่วนโคนก้านใบมีลักษณะเป็นกาบห่อลำต้นไว้ ขอบก้านใบมีสีแดงตลอดความยาวของก้าน ศูนย์กลางก้านเป็นร่องลึก
  • ดอกกระชายดำ ดอกออกเป็นช่อแทรกขึ้นมาจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกมีความยาวราวๆ 5 – 6 เซนติเมตร กลีบดอกไม้ที่ส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาวราวๆ 3 - 3.2 ซม. ที่ปลายแยกเป็นแฉก เกสรตัวผู้เป็นหมัน มีสีขาว ลักษณะเป็นรูปขอบขนาด มีความกว้างประมาณ 3 มม. แล้วก็ยาวราว 10 -13 มิลลิเมตร ส่วนกลีบปลายมีสีม่วง

การขยายพันธุ์กระชายดำ

แพร่พันธุ์โดยการใช้หัวหรือแยกหน่อ ปลูกได้ทั้งปี แม้กระนั้นฤดูที่สมควรอยู่ในระหว่างมี.ค. – เดือนพฤษภาคม การเตรียมหัวกระชายดำสำหรับปลูก หัวกระชายดำหัวหนึ่งจะมีหลายแง่ง ให้บิ (หัก) ออกมาเป็นแง่งๆถ้าแง่งเล็กก็ 2 – 3 แง่ง ถ้าหากแง่งใหญ่สมบูรณ์ก็แค่แง่งเดียวก็เพียงพอ เนื่องจากเมื่อกระชายดำโตขึ้น กระชายดำก็จะแตกหน่อ รวมทั้งเกิดหัวกระชายดำหัวใหม่ขึ้นมาแทน และจะขยายหัวและหน่อออกไปเรื่อยจะมากมายหรือน้อยขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ส่วนหัวหรือแง่งที่ใช้ปลูกในทีแรกๆที่เหี่ยวเฉาและก็แห้งไปสุดท้าย ก่อนนำไปปลูก ควรทารอยแผลของแง่งกระชายดำที่ถูกลบออกมาด้วยปูนกินหมาก หรือจะจุ่มในน้ำยากันเชื้อราก็ได้ แล้วผึ่งในที่ร่มจนกระทั่งหมดหรือแห้ง แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำไปปลูก การปลูกกระชายดำก็เหมือนกับการปลูกกระชายธรรมดาโดยปกติ สามารถปลุกได้ดิบได้ดีในดินซึ่งร่วนซุย การระบายน้ำดี แต่ระวังไม่ให้น้ำหลากขัง ด้วยเหตุว่าจะทำให้หัวหรือเหง้าเน่าเสียได้ง่ายส่วนในดินเหนียว และดินแดงไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก โดยธรรมชาติรวมทั้งกระชายดำขอบขึ้นตามร่มไม้ในป่าดิบ และก็ป่าเบญจพรรณทั่วไป แต่ในก็สามารถปลูกได้

องค์ประกอบทางเคมีของกระชายดำ

ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์พบว่า ในเหง้ากระชายดำมีน้ำมันหอมระเหยแต่เจอในจำนวนน้อย (ราวจำนวนร้อยละ 1 – 3) น้ำมันหอมระเหยของกระชายดำประกอบด้วยสารเคมีหลายแบบ ได้แก่ 1.8-cineol,camphor, d-borneol รวมทั้ง methyl cinnamate น้ำมันหอมระเหยที่เจอส่วนน้อย อย่างเช่น d-pinene, zingiberene , zingiberone, curcumin แล้วก็ zedoarin นอกจากนี้ ยังเจอสารอื่น เช่น กรุ๊ปไดไฮโดรซาลโคน pincocembrin และก็กล่มุซาลโคน (ยกตัวอย่างเช่น 2 , 4 , 6-trihydroxy chalcone และก็ cardamonin)(ณาตยา ธนะศรีวัฒนา, สุนิดา ณ ตะกั่วทุ่ง, ธนนันต์ ฐานะจาโร,2540)

สูตรส่วนประกอบทางเคมีสารกรุ๊ป chalconeที่มา Rein (2005)

สูตรส่วนประกอบทางเคมีสารกลุ่ม Anthocyanin

ที่มา Castaneda-Ovando et al. (2009)

คุณประโยชน์กระชายดำ

ใช้บำรุงกำลัง แก้เมื่อยและก็อาการเมื่อยล้า แล้วก็เพิ่มสมรรถภาพทางเพศขับลม เป็นยาอายุวัฒนะ แก้จุกเสียด แก้เจ็บท้อง หรือตำกับเหล้าขาวคั้นน้ำกิน แก้โรคมดลูกทุพพลภาพ มดลูกหย่อนยาน ใช้ปัดกวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก หรือต้มดื่มแก้โรคตา ช่วยบำรุงรักษาฮอร์โมนเพศชาย แก้กามตายด้าน ด้วยการใช้เหง้ากระชายดำสดนำมาดองกับเหล้าขาวรวมทั้งน้ำผึ้งแท้ (ในอัตราส่วน 1 โล : เหล้าขาว 3 ขวด : น้ำผึ้ง 1 ขวด) ดองทิ้งไว้ราว 9 – 15 วัน แล้วประยุกต์ใช้ดื่มวันละ 1 – 2 เป๊ก (กระชายดำไม่ได้เป็นยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แต่ว่าช่วงเวลาการแข็งตัวนานขึ้น รวมทั้งสำหรับผู้ที่มิได้มีปัญหาดังที่กล่าวผ่านมาแล้วก็สามารถกินเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงแรกขึ้นได้)แม้สุภาพสตรีทานแล้วจะสามารถช่วยสำหรับปรับสมดุลของฮอร์โมนทางเพศ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ร่างกายชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย ช่วยสำหรับในการนอนหลับ แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในตอนค่ำ ช่วยทำให้นอนหลับดียิ่งขึ้น

รูปแบบ , ขนาดวิธีการใช้

สำหรับวิธีการใช้กระชายดำเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาพาราท้อง แก้โรคบิด แล้วก็ลมป่วงทุกประเภท

  • หากเป็นเหง้าสด ให้ใช้ราว 4 – 5 นำมาดองกับเหล้าขาว 1 ขวดก่อนนำมารับประทานเป็นอาหารเย็น ในจำนวน 30 cc. หรือ จะฝานเป็นแว่นบางๆแช่กับน้ำ หรือเอามาดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1
  • ถ้าเกิดเป็นเหง้าแห้งก็ให้ใช้ดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1 ต่อ นาน 7 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มก่อนนอน
  • ถ้าเป็นแบบชงหรือแบบผง ให้ใช้ผงแห้ง 1 ซอง ชงกับน้ำร้าน 1 แก้ว (ขนาน 120 cc.) และแต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลตามความอยากได้ แล้วเอามาดื่ม

การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยาของกระชายดำ

  1. ฤทธิ์ต้านอักเสบ สาร 5,7 – ได้การบูชายัญอกซีฟลาโวน (5,7-DMF) ที่แยกได้จากเหง้ากระชายดำ มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบเทียบได้กับยามาตรฐานหลายชนิด คือ แอสไพริน , อินโดความรู้ซิน , ไฮไดรคอร์ติโซน และเพรดนิโซโลน จากการเรียนฤทธิ์ต้านทานอักเสบของสารนี้ ในสัตว์ทดสอบด้วยวิธีการต่างๆพบว่าสาร 5,7-DMF สามารถต่อต้านการอักเสบแบบฉับพลันได้ดีมากยิ่งกว่าแบบเรื้อรัง โดยแสดงฤทธิ์ยั้งการบวมของอุ้งเท้าหนูขาวจากสารคาราจีนแนน แล้วก็เคโอลินได้ดียิ่งไปกว่าฤทธิ์ยับยั้งการสร้าง granuloma จากการฝังสำลีใต้ผิวหนัง ยิ่งกว่านั้น พบว่า สาร 5,7-DMF มีฤทธิ์ยับยั้งการเกิด exudation และการผลิตสาร prostaglandin อย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเรียนฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบในช่องปอดของหนูขาว (rat pleurisy) (วงศ์วิวัฒน์ ทัศนียกุล และก็สว่าง ปั้นทอง,2528)
  2. ฤทธิ์ต้านทานเชื้อจุลินทรีย์ สาร 5,7,4'-trimethoxyflavone และก็ 5,7,3' ,4' –tetramethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Plasmodium falciparum ที่เป็นสาเหตุของโรคมาลาเรีย ส่วนสาร 3,5,7,4'-tetramethoxyflavone รวมทั้ง 5,7,4'-trimethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ Candida albicans รวมทั้งแสดงฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ Mycobacterium อย่างอ่อน (Wattanapitayakui S, Nawinprasert A, Herunsalee A, et al,2003)
  3. พิษต่อเซลล์ของมะเร็ง (cytotoxic activity) จากการทดลองผลของฟลาโวนอยด์ 9 ชนิดของกระชายดำต่อเซลล์ของมะเร็ง ยกตัวอย่างเช่น KB , BC หรือ NCI-H187 ไม่พบว่ามีสารใดกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดพิษต่อเซลล์ของมะเร็งที่ทดลอง (วงศ์พัฒนา ทัศนียกุล และสุกใส ปั้นทองคำ,2528)
  4. ฤทธิ์ขยายเส้นโลหิตแดง มีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดด้วยเอธานอลของกระชายดำมีฤทธิ์ขยายเส้นเลือดแดงใหญ่ (aorta) ลดละการยุบเกร็งของ ลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ของหนูขาว แล้วก็ยับยั้งการยึดกรุ๊ปของเกล็ดเลือดของคน.(Yenchai C, Prasaphen K, Doodee S, et al,2004)

การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา

การเล่าเรียนพิษเรื้อรังช่วงเวลา 6 เดือน ของผงกระชายดำในหนูขาว ในขนาด 20 , 200 , 1000 และ 2000 มก/กก./วัน เทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับน้ำ พบว่า หนูที่ได้รับกระชายดำทุกกรุ๊ปมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อาการรวมทั้งสุขภาพไม่ได้มีความแตกต่างจากกลุ่มควบคุมหนูที่ได้รับกระชายดำขนาด 2000 มก/กก. มีน้ำหนักสโมสรของตับสูงขึ้นยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ บางทีอาจเพราะเหตุว่ามีน้ำหนักตัวที่ต่ำกว่ากลุ่มควบคุม แล้วก็มีเม็ดเลือดขาวอิโอสิฟิสที่ได้รับกระชายดำ 2000 มก./กก. หรูหราซีรั่มโซเดียมสูงยิ่งกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญแต่ยังอยู่ในช่วงค่าปกติ ผลของการตรวจอวัยวะทางจุลพยาธิวิทยานั้นไม่เจอความเคลื่อนไหวที่ชี้ว่ากำเนิดความเป็นพิษของกระชายดำ (ทรงพล ชีวะพัฒน์, ณุฉัตรา จันทร์สุวาณิชย์, ปราณี ชวลิตธำรง และคณะ.2547)

ข้อแนะนำ /{ข้อควรระวัง

  • กระชายดำสามารถรับประทานได้ทั้งหญิง รวมทั้งชายโดยไม่เกิดผลข้างเคียงอะไรก็ตามยิ่งสำหรับคนสูงอายุก็พบว่านิยมใช้กันมานานมากแล้ว
  • ผลข้างเคียงของกระชายดำ การรับประทานในขนาดสูง อาจก่อให้เกิดอาการใจสั่นได้
  • ห้ามใช้กระชายดำในเด็ก แล้วก็ในคนเจ็บที่เป็นโรคตับ
  • การรับประทานเหง้ากระชายดำติดต่อกันนาน อาจจะเป็นผลให้เหงือกร่น
  • แม้จะมีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยในสัตว์ทดลองที่ระบุว่ากระชายดำไม่พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ว่ายังไม่มีรายงานการค้นคว้าเพื่อประเมินประสิทธิผล ของการใช้กระชายดำในคนจะต้องรับประทานในจำนวนที่เหมาะเจาะ เพื่อให้มีความปลอดภัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...