วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ยอดเยี่ยมคุณประโยชน์กระชายดำอันน่าทึ่ง

กระชายดำ ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร กระชายดำ

ชื่ออื่นๆ/ ชื่อท้องถิ่น กระชายม่วง , ว่านเพชรดำ , ขิงทราย (มหาสารคาม) , ว่านตกตะลึง , ว่านพญานกยูง , ว่านกั้นบัง ,ว่านกำบัง , ว่านกำบังภัย , กะแอน . ระแอน (ภาคเหนือ)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Kaempferia parviflora Wallich. ex Baker

ชื่อวงศ์Zingiberaceae

ถิ่นกำเนิดกระชายดำ

มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอได้หนาแน่นในแถบมาเลเซีย เกะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดจีน รวมทั้งในประเทศไทย แล้วก็มีเขตผู้กระทำระจายพันธุ์ทั่วๆไปในทวีปเอเชียเขตร้อน ในประเทศจีนตอนใต้ อินเดีย รวมทั้งเมียนมาร์ สำหรับเมืองไทยนั้นมีการปลูกกระชายดำมากในจังหวัดเลย ตาก จังหวัดกาญจนบุรี และก็จังหวัดอื่นๆทางภาคเหนือ

ลักษณะทั่วไปของกระชายดำ

กระชายดำจัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุนับเป็นเวลาหลายปีมีเหง้าอยู่โต้ดิน โดยในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้

  • เหง้ากระชายดำ นั้นมีลักษณะเป็นทรงกลม เป็นปุ่มป่นเรียงต่อกัน และก็มักมีขนาดเท่าๆกัน มีหลายเหง้าแล้วก็อวบน้ำ ผิวเหง้ามีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาบเข้ม แล้วก็บางทีอาจเจอรอยที่ผิวเหง้าเป็นรอบๆที่จะงอกของต้นใหม่ ส่วนเนื้อด้านในชองเหง้ามีสีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนถึงม่วงดำ เหง้ามีกลิ่นหอมหวนส่วนตัว รวมทั้งมีรสชาติขมน้อย โดยกระชายดำที่ดีนั้นควรจะมีสีม่วงเข้มถึงสีดำ
  • ใบกระชายดำ มีใบเป็นใบลำพัง ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ มีความกว้างประมาณ 5 – 10 ซม. และยาวประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบของใบหยักตามเส้นใบ ผิว ในเป็นร่องคลื่นตลอดใบตามแนวของเส้นใบ ใบมีสีเขียวสด ส่วนโคนก้านใบมีลักษณะเป็นกาบห่อหุ้มลำต้นไว้ ขอบก้านใบมีสีแดงตลอดความยาวของก้าน ศูนย์กลางก้านเป็นร่องลึก
  • ดอกกระชายดำ ดอกออกเป็นช่อแทรกขึ้นมาจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกมีความยาวโดยประมาณ 5 – 6 เซนติเมตร กลีบดอกที่ส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาวโดยประมาณ 3 - 3.2 ซม. ที่ปลายแยกเป็นแฉก เกสรตัวผู้เป็นหมัน มีสีขาว ลักษณะเป็นรูปขอบขนาด มีความกว้างโดยประมาณ 3 มม. แล้วก็ยาวโดยประมาณ 10 -13 มิลลิเมตร ส่วนกลีบปลายมีสีม่วง

การขยายพันธุ์กระชายดำ

ขยายพันธุ์โดยการใช้หัวหรือแยกหน่อ ปลูกได้ทั้งปี แม้กระนั้นฤดูที่สมควรอยู่ในระหว่างเดือนมีนาคม – พ.ค. การเตรียมหัวกระชายดำสำหรับปลูก หัวกระชายดำหัวหนึ่งจะมีหลายแง่ง ให้บิ (หัก) ออกมาเป็นแง่งๆถ้าเกิดแง่งเล็กก็ 2 – 3 แง่ง ถ้าเกิดแง่งใหญ่บริบูรณ์ก็แค่แง่งเดียวก็เพียงพอ เนื่องจากเมื่อกระชายดำโตขึ้น กระชายดำก็จะแตกหน่อ แล้วก็กำเนิดหัวกระชายดำหัวใหม่ขึ้นมาแทน และก็จะขยายหัวรวมทั้งหน่อออกไปเรื่อยๆจะมากมายหรือน้อยขึ้นกับการรักษา ส่วนหัวหรือแง่งที่ใช้ปลูกไว้ในทีแรกๆที่เหี่ยวและก็แห้งไปสุดท้าย ก่อนนำไปปลูก ควรทารอยแผลของแง่งกระชายดำที่ถูกลบออกมาด้วยปูนรับประทานหมาก หรือจะจุ่มน้ำยากันเชื้อราก็ได้ แล้วผึ่งในที่ร่มกระทั่งหมดหรือแห้ง แล้วจึงนำไปปลูก การปลูกกระชายดำก็ดังการปลูกกระชายธรรมดาโดยธรรมดา สามารถปลุกเจริญในดินที่ร่วนซุย การระบายน้ำดี แม้กระนั้นระวังอย่าให้อุทกภัยขัง เพราะว่าจะมีผลให้หัวหรือเหง้าเน่าเสียได้ง่ายส่วนในดินเหนียว รวมทั้งดินลูกรังไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก โดยธรรมชาติและกระชายดำขอบขึ้นตามร่มไม้ในป่าดงดิบ และป่าเบญจพรรณทั่วไป แม้กระนั้นในที่โล่งก็สามารถปลูกได้

องค์ประกอบทางเคมีของกระชายดำ

ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบว่า ในเหง้ากระชายดำมีน้ำมันหอมระเหยแม้กระนั้นเจอในปริมาณน้อย (ราวปริมาณร้อยละ 1 – 3) น้ำมันหอมระเหยของกระชายดำมีสารเคมีหลายอย่าง ได้แก่ 1.8-cineol,camphor, d-borneol รวมทั้ง methyl cinnamate น้ำมันหอมระเหยที่เจอส่วนน้อย ดังเช่นว่า d-pinene, zingiberene , zingiberone, curcumin และ zedoarin นอกนั้น ยังเจอสารอื่น เป็นต้นว่า กรุ๊ปไดไฮโดรซาลโคน pincocembrin แล้วก็กล่มุซาลโคน (อย่างเช่น 2 , 4 , 6-trihydroxy chalcone และ cardamonin)(ณาตยา ธนะศิริวัฒนา, สุนิดา ณ ตะกั่วทุ่ง, ธนนันต์ ฐานะจาโร,2540)

สูตรองค์ประกอบทางเคมีสารกรุ๊ป chalconeที่มา Rein (2005)

สูตรโครงสร้างทางเคมีสารกรุ๊ป Anthocyanin

ที่มา Castaneda-Ovando et al. (2009)

สรรพคุณกระชายดำ

ใช้ชูกำลัง แก้ปวดเมื่อยรวมทั้งอาการล้า รวมทั้งเพิ่มความสามารถทางเพศขับลม เป็นยาอายุวัฒนะ แก้จุกเสียด แก้เจ็บท้อง หรือโขลกกับเหล้าขาวคั้นน้ำ แก้โรคมดลูกทุพพลภาพ มดลูกหย่อนยาน ใช้กวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก หรือต้มดื่มแก้โรคตา ช่วยบำรุงรักษาฮอร์โมนเพศชาย แก้กามตายด้าน ด้วยการใช้เหง้ากระชายดำสดนำมาดองกับเหล้าขาวแล้วก็น้ำผึ้งแท้ (ในอัตราส่วน 1 กก. : เหล้าขาว 3 ขวด : น้ำผึ้ง 1 ขวด) ดองทิ้งไว้โดยประมาณ 9 – 15 วัน แล้วประยุกต์ใช้ดื่มวันละ 1 – 2 เป๊ก (กระชายดำไม่ได้เป็นยาเร้าอารมณ์ทางเพศ แต่ว่าช่วงเวลาการแข็งตัวนานขึ้น และสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาดังที่กล่าวถึงมาแล้วก็สามารถรับประทานเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรกขึ้นได้)แม้สุภาพสตรีทานแล้วจะช่วยสำหรับในการปรับสมดุลของฮอร์โมนทางเพศ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ร่างกายชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย ช่วยในการนอนหลับ แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในยามค่ำคืน ช่วยให้นอน

รูปแบบ , ขนาดวิธีการใช้

สำหรับวิธีการใช้กระชายดำเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง แก้โรคบิด รวมทั้งลมป่วงทุกประเภท

  • ถ้าเกิดเป็นเหง้าสด ให้ใช้ราว 4 – 5 เอามาดองกับเหล้าขาว 1 ขวดก่อนนำมารับประทานเป็นอาหารมื้อเย็น ในจำนวน 30 cc. หรือ จะฝานเป็นแว่นบางๆแช่กับน้ำดื่ม หรือนำมาดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1
  • หากเป็นเหง้าแห้งก็ให้ใช้ดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1 ต่อ นาน 7 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มก่อนนอน
  • ถ้าเป็นแบบชงหรือแบบผง ให้ใช้ผงแห้ง 1 ซอง ชงกับน้ำร้าน 1 แก้ว (ขนาน 120 cc.) และแต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลตามความปรารถนา แล้วเอามาดื่ม

การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของกระชายดำ

  1. ฤทธิ์ต้านทานอักเสบ สาร 5,7 – ได้การเซ่นสรวงอกซีฟลาโอ้อวดน (5,7-DMF) ที่แยกได้จากเหง้ากระชายดำ มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบเทียบเคียงได้กับยามาตรฐานหลายแบบเป็นแอสไพริน , อินโดความรู้สิน , ไฮไดรคอร์ติโซน รวมทั้งเพรดนิโซโลน จากการเรียนฤทธิ์ต้านอักเสบของสารนี้ ในสัตว์ทดสอบด้วยวิธีการต่างๆพบว่าสาร 5,7-DMF สามารถต่อต้านการอักเสบแบบฉับพลันได้ดีมากว่าแบบเรื้อรัง โดยแสดงฤทธิ์ยั้งการบวมของอุ้งเท้าหนูขาวจากสารติดอยู่ราจีนแนน และเคโอลินได้ดีกว่าฤทธิ์ยับยั้งการสร้าง granuloma จากการฝังสำลีใต้ผิวหนัง ยิ่งไปกว่านี้ พบว่า สาร 5,7-DMF มีฤทธิ์ยับยั้งการเกิด exudation และก็การผลิตสาร prostaglandin อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเล่าเรียนฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบในช่องปอดของหนูขาว (rat pleurisy) (ตระกูลความเจริญรุ่งเรือง ทัศนียกุล และก็สว่าง ปั้นทอง,2528)
  2. ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์ สาร 5,7,4'-trimethoxyflavone รวมทั้ง 5,7,3' ,4' –tetramethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Plasmodium falciparum ที่เป็นสาเหตุของโรคไข้จับสั่น ส่วนสาร 3,5,7,4'-tetramethoxyflavone แล้วก็ 5,7,4'-trimethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Candida albicans และก็แสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Mycobacterium อย่างอ่อน (Wattanapitayakui S, Nawinprasert A, Herunsalee A, et al,2003)
  3. พิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง (cytotoxic activity) จากการทดลองผลของฟลาโวนอยด์ 9 จำพวกของกระชายดำต่อเซลล์มะเร็ง อาทิเช่น KB , BC หรือ NCI-H187 ไม่พบว่ามีสารใดส่งผลให้เกิดพิษต่อเซลล์มะเร็งที่ทดลอง (วงศ์วิวัฒน์ ทัศนียกุล และอำไพ ปั้นทองคำ,2528)
  4. ฤทธิ์ขยายเส้นเลือดแดง มีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดด้วยเอธานอลของกระชายดำมีฤทธิ์ขยายเส้นโลหิตแดงใหญ่ (aorta) ละลดการยุบเกร็งของ ลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ของหนูขาว รวมทั้งยั้งการยึดกรุ๊ปของเกล็ดเลือดของคน.(Yenchai C, Prasaphen K, Doodee S, et al,2004)

การเล่าเรียนทางพิษวิทยา

การเล่าเรียนพิษเรื้อรังช่วงเวลา 6 เดือน ของผงกระชายดำในหนูขาว ในขนาด 20 , 200 , 1000 และ 2000 มก/กิโลกรัม/วัน เทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับน้ำ พบว่า หนูที่ได้รับกระชายดำทุกกรุ๊ปมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อาการแล้วก็สุขภาพไม่ได้มีความแตกต่างจากกลุ่มควบคุมหนูที่ได้รับกระชายดำขนาด 2000 มก/กก. มีน้ำหนักสมาคมของตับสูงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ บางทีอาจด้วยเหตุว่ามีน้ำหนักตัวที่ต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม และก็มีเม็ดเลือดขาวอิโอสิฟิสที่ได้รับกระชายดำ 2000 มก./กิโลกรัม หรูหราซีรั่มโซเดียมสูงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจังแม้กระนั้นยังอยู่ในช่วงค่าธรรมดา ผลของการตรวจอวัยวะทางจุลพยาธิวิทยานั้นไม่เจอการเปลี่ยนแปลงที่บ่งชี้ว่าเกิดความเป็นพิษของกระชายดำ (ทรงพล ชีวะพัฒน์, ณุฉัตรา จันทร์สุการค้า, ปราณี ชวลิตทรง และคณะ.2547)

ข้อแนะนำ /{ข้อควรระวัง

  • กระชายดำสามารถกินได้อีกทั้งหญิง รวมทั้งชายโดยไม่เกิดผลข้างๆอะไรก็แล้วแต่ยิ่งสำหรับคนแก่ก็พบว่านิยมใช้กันมานานมากแล้ว
  • ผลข้างเคียงของกระชายดำ การกินในขนาดสูง อาจส่งผลให้กำเนิดอาการใจสั่นได้
  • ห้ามใช้กระชายดำในเด็ก แล้วก็ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ
  • การกินเหง้ากระชายดำต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่นานๆ อาจจะเป็นผลให้เหงือกร่น
  • แม้ว่าจะมีงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยในสัตว์ทดลองที่บอกว่ากระชายดำไม่พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ว่ายังไม่มีรายงานการศึกษาเรียนรู้วิจัยเพื่อประเมินประสิทธิผล ของการใช้กระชายดำในคนจำเป็นที่จะต้องกินในจำนวนที่พอดี เพื่อให้มีความปลอดภัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...