วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2560

ถิ่นกำเนิดสมุนไพรแปะก๊วย

แปะก๊วย ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร แปะก๊วย
ชื่ออื่นๆ หยาเจียว (จีน) อิโจว(ญี่ปุ่น)
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Gingko biloba L.
ชื่อวงศ์ Ginkgoaceae

ถิ่นกำเนิดแปะก๊วย

แปะก๊วยมีบ้านเกิดอยู่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองจีน เช้าใจกันว่าเป็นพืชที่ดั้งเดิมที่สุดในโลก ที่คงเหลืออยู่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นพืชที่หายากและใกล้จะสิ้นซาก โดยเจออยู่ในธรรมชาติไม่กี่ต้น ถัดมามีการนำต้นแปะก๊วยไปปลูกเอาไว้ในญี่ปุ่นและประเทศเกาหลี และก็ในราวศตวรรษที่ 18 ได้มีการปลูกเอาไว้ในทวีปยุโรป ปัจจุบันต้นแปะก๊วยเป็นไม้ให้ความร่มเงาตามแถวถนนหนทางและก็สวนสาธารณะทั่วๆไปทั่งในยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกาลักษณะทั่วไป ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ยื่นต้นขนาดใหญ่อาจสูงได้ถึง 35 – 40 เมตร ต้นโตเต็มกำลังมีเส้นรอบวงราวๆ 3 – 4 เมตร แล้วก็บางทีอาจโตได้ถึง 7 เมตร ใบเป็นใบเดียว ลักษณะคล้ายพัด กว้าง 5 – 10 เซนติเมตร ก้านใบยาว ใบแก่มีรอยหยักเว้ากึ่งกลาง ใบออกเวียนสลับกัน หรือออกเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง เส้นใบขนานกันจำนวนไม่ใช่น้อย ใบอ่อนเป็นสีเขียว สามารถกลายเป็นสีเข้มได้เมื่อโตสุดกำลัง แล้วก็เป็นสีเหลืองในช่วงฤดูใบไม้หล่น ต้นแปะก๊วยจะมีต้นตัวผู้ รวมทั้งต้นตัวเมีย ซึ่งลักษณะต่างกัน

การขยายพันธุ์แปะก๊วย

ตอนนี้ขยายพันธุ์โดยแนวทางการ เพาะเม็ด , ปักชำ , ทาบกิ่ง โดยกระบวนการเพาะเมล็ด มีดังนี้

  • ล้างเมล็ดแปะก๊วยในน้ำอุ่นให้สะอาดเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา
  • หมกเมล็ดที่ล้างแล้ว ในขุยมะพร้าวหรือเถ้าถ่านแกลบในถุงซิบล็อก ปิดถุงให้สนิท แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปเก็บไว้ภายในตู้แช่เย็น (ช่องเก็บผัก) ราว 12 อาทิตย์ ตอนนี้ให้คอยหมั่นตรวจตราว่ามีต้นอ่อนเริ่มแตกออกมาหรือยัง ถ้าเกิดมีเมล็ดไหน 

แตกออกก่อน 12 อาทิตย์ ก็แยกออกมาเพาะก่อน

  • ให้นำเมล็ดที่แตกออกก่อนมาเพาะในถุงชำ ใช้ดินถุงที่ขายธรรมดา ฝังเมล็ดแปะก๊วยลงไปราว 2 นิ้ว วางถุงเพาะชำให้โดนแดดอ่อนๆให้ดินที่

เพาะเมล็ดชื้ออยู่ตลอดระยะเวลาแต่ว่าอย่าให้เฉอะแฉะ ต่อจากนั้นก็คอยให้ต้นเขาโตขึ้นมาก่อนที่จะนำไปปลูกลงดิน

  • สำหรับเม็ดที่ไม่ผลิออกก่อนกำหนด เจอครบ 12 อาทิตย์ในตู้เย็นก็ออกมาเพาะต่อตามข้อ 3

องค์ประกอบทางเคมีของแปะก๊วย

ใบแปะก๊วย มีสารประกอบทางเคมีมากไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ว่าที่สำคัญมีอยู่ 2 กลุ่มหมายถึงเทอร์ป่ายปีนอย์ (terpenoids) มีสารประกอบที่สำคัญชื่อ กิงโกไลด์ (ginkgolide) และมีบิโลบาไลด์ (bilobalide) แล้วก็อีกกรุ๊ปเป็น ฟลา-โม้นอยด์ (flavonoids) ยิ่งกว่านั้นยังเจอในพวกสารสตีรอยด์ (steroide) อนุพันธ์กรดอินทรีย์รวมทั้งน้ำตาล

สรรพคุณแปะก๊วย

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็ง และยังสามารถชะลอความแก่ได้ ฤทธิ์การขัดขวางการเกาะตัวของ เกล็ดเลือดทำให้การไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดแดง เส้นเลือดดำ และเส้นเลือดฝอยดียิ่งขึ้น ฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้ความสามารถสำหรับเพื่อการดำเนินการแล้วก็การตัดสินใจ ฤทธิ์กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไหลฉีดไปตามผิวหนังได้ดิบได้ดี ฤทธิ์เพิ่มความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการเรียนรู้ ฤทธิ์ยับยั้งการเกิดไลปิดเพอรอกไซด์ ฤทธิ์ช่วยให้ความจำดีขึ้น ฤทธิ์ทำให้เส้นโลหิตหดตัว ฤทธิ์เพิ่มการมองมองเห็น และก็ฤทธิ์ยับยั้งการเสื่อมของสมอง เสริมสร้างสมรรถนะทางเพศ จะช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดภายในร่างกายดีขึ้น แก้ไขปัญหาเลือดไปไหลเวียนในบริเวณอวัยวะเพศไม่สบาย บรรเทาของกินของโรคพาร์กินสัน สารสกัดจากแปะก๊วยจำหัวเข่าไปช่วยเพิ่มระบบไหลเวียนเลือดในสมอง ทำให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนโดปามีนได้มากขึ้น รวมทั้งนำส่งไปยังอวัยวะต่างๆในร่างกายได้อย่างพอเพียง

รูปแบบแล้วก็ขนาดวิธีการใช้

  • สารสกัดแปะก๊วยแห้ง –ใช้ 120 – 240 มิลลิกรัม แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับอาการ dementin โดยให้ยาต่อเนื่องกัน 8 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 3 เดือน
  • สารสกัดแปะก๊วยแห้ง – ใช้ 120 – 160 มิลลิกรัม แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับรักษาอาการเส้นเลือดแดงส่วนปลายประสาทอุดตัน และ ความมึน มีเสียงในหู โดยให้ยาต่อเนื่องกัน 6 – 8 อาทิตย์
  • สำหรับการใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ให้ใช้รับประทานไม่เกินวันละ 120 มิลลิกรัม

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของแปะก๊วย

มีการทดสอบแปะก๊วยกับคนไข้ที่มีลักษณะบกพร่องเรื้อรังของสมองส่วนซีรีบรัม รวมทั้งเส้นโลหิตพบว่า ในแปะก๊วยช่วยให้มีการความเจริญทางความจำความนึกคิด นอนหลับได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น ส่วนผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์นั้น ในอเมริกา ใบแปะก๊วยก็ถูกให้อย่างมากมายเพื่อเป็นยารักษาอาการดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว โดยมีการทดสอบในปี 1994 ทดลองให้ใบแปะก๊วยกับกรุ๊ปคนป่วยอัลไซเมอร์ พบว่าผู้เจ็บป่วยมีความจำ และสมาธิได้ดีขึ้น

ในปี 1996 ได้มีการทดสอบพบว่าใบแปะก๊วยมีประสิทธิภาพช่วยคุ้มครองคนที่มีลักษณะอาการ AMS (Asthma & AcutE Mountain Sickness) หรือภาวการณ์ไม่ปรกติของการหายใจขณะขึ้นสู่ที่สูงได้ ส่วนคนในฝูงชนที่เผชิญปัญหาหูอื้ออยู่เป็นประจำ การรับประทานอาหารใบแปะก๊วยยังช่วยลดภาวะหูอื้อลงได้อีกด้วย

การศึกษาทางพิษวิทยาของแปะก๊วย

การทดลองความเป็นพิษรุนแรงของแปะก๊วยในหนู พบว่าให้ค่า LD50 เท่ากับ 7725 มก./กก.น้ำหนักตัว ไม่เจอผลที่ก่อให้เกิดการก่อกลายจำพวก (mutagen) หรือก่อให้เกิดโรคมะเร็ง (carcinogen) และไม่เป็นพิษต่อ ระบบอวัยวะสืบพันธุ์

ข้อแนะนำ/ข้อควรระวัง

  • สาร Gingkolide จากใบแปะก๊วยมีฤทธิ์ยีนส์การเกาะดึงของเกล็ดเลือด ถ้ากินยาแอสไพรินอยู่ประจำ หรือ รับประทานยา Gingkolide อยู่อาจมีผลกระทบของการที่เลือดไหลไม่หยุด
  • ถ้าเกิดรับประทานสารสกัดจากในแปะก๊วยในปริมาณมาก อาจทำให้กำเนิดอาหารอาเจียน คลื่นไส้ ท้องเดิน และมีของกินไม่สบายใจ
  • สำหรับหญิงมีท้องและให้นมลูก ยังไม่มีงานค้นคว้าเผยแพร่ถึงความปลอดภัย หรือผลที่จะกำเนิดกับเด็กอ่อน

อีกทั้งแม้กินสารสกัดแปะก๊วยมากจนเกินไปอาจมีผลกระทบทำให้ปวดศีรษะ มึนงง เวียนศีรษะ ทางเดินอาหารป่วนปั่น หรือบางทีอาจเกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง ระบบหายใจและเส้นเลือดเปลี่ยนไปจากปกติ ง่วงซึม ระบบการนอนหลับก็ปั่นป่วนไปด้วย

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เเปะก๊วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...