กระชายดำ ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย
ชื่อสมุนไพร กระชายดำ
ชื่ออื่นๆ/ ชื่อเขตแดน กระชายม่วง , ว่านเพชรดำ , ขิงทราย (มหาสารคาม) , ว่านจังงัง , ว่านพญานกยูง , ว่านกั้นบัง ,ว่านกำบัง , ว่านกำบังภัย , กะแอน . ระแอน (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Kaempferia parviflora Wallich. ex Baker
ชื่อวงศ์Zingiberaceae
ถิ่นกำเนิดกระชายดำ
มีบ้านเกิดเมืองนอนในเอเซียอาคเนย์ พบได้หนาแน่นในแถบมาเลเซีย สุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดจีน รวมทั้งในประเทศไทย รวมทั้งมีเขตการกระจายจำพวกทั่วๆไปในทวีปเอเชียเขตร้อน ในประเทศจีนตอนใต้ ประเทศอินเดีย แล้วก็ประเทศพม่า สำหรับเมืองไทยนั้นมีการปลูกกระชายดำมากมายในจังหวัดเลย ตาก กาญจนบุรี รวมทั้งจังหวัดอื่นๆทางภาคเหนือ
ลักษณะทั่วไปของกระชายดำ
กระชายดำจัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปีมีเหง้าอยู่โต้ดิน โดยในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้
- เหง้ากระชายดำ นั้นมีลักษณะเป็นทรงกลม เป็นปุ่มป่นเรียงต่อกัน แล้วก็มักมีขนาดเท่าๆกัน มีหลายเหง้าและก็อวบน้ำ ผิวเหง้ามีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาบเข้ม รวมทั้งอาจเจอรอยที่ผิวเหง้าเป็นบริเวณที่จะผลิออกของต้นใหม่ ส่วนเนื้อภายในชองเหง้ามีสีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนกระทั่งม่วงดำ เหง้ามีกลิ่นหอมหวนเฉพาะบุคคล และมีรสชาติขมนิดหน่อย โดยกระชายดำที่ดีนั้นควรมีสีม่วงเข้มถึงสีดำ
- ใบกระชายดำ มีใบเป็นใบคนเดียว ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ มีความกว้างราวๆ 5 – 10 เซนติเมตร รวมทั้งยาวราวๆ 10 – 15 ซม. ปลายใบแหลม ขอบของใบหยักตามเส้นใบ ผิว ในเป็นร่องคลื่นตลอดใบตามแนวของเส้นใบ ใบมีสีเขียวสด ส่วนโคนก้านใบมีลักษณะเป็นกาบหุ้มห่อลำต้นไว้ ขอบก้านใบมีสีแดงตลอดความยาวของก้าน ส่วนกลางก้านเป็นร่องลึก
- ดอกกระชายดำ ดอกออกเป็นช่อแทรกขึ้นมาจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกมีความยาวราว 5 – 6 เซนติเมตร กลีบดอกไม้ที่ส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาวราว 3 - 3.2 ซม. ที่ปลายแยกเป็นแฉก เกสรตัวผู้เป็นหมัน มีสีขาว ลักษณะเป็นรูปขอบขนาด มีความกว้างโดยประมาณ 3 มิลลิเมตร และก็ยาวประมาณ 10 -13 มิลลิเมตร ส่วนกลีบปลายมีสีม่วง
การขยายพันธุ์กระชายดำ
เพาะพันธุ์โดยการใช้หัวหรือแยกหน่อ ปลูกได้ทั้งปี แต่ว่าฤดูที่สมควรอยู่ในระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม การเตรียมหัวกระชายดำสำหรับปลูก หัวกระชายดำหัวหนึ่งจะมีหลายแง่ง ให้บิ (หัก) ออกมาเป็นแง่งๆถ้าแง่งเล็กก็ 2 – 3 แง่ง ถ้าหากแง่งใหญ่สมบูรณ์ก็แค่แง่งเดียวก็พอเพียง เนื่องจากเมื่อกระชายดำโตขึ้น กระชายดำก็จะแตกหน่อ รวมทั้งเกิดหัวกระชายดำหัวใหม่ขึ้นมาแทน แล้วก็จะขยายหัวแล้วก็หน่อออกไปเรื่อยจะมากหรือน้อยขึ้นกับการดูแลรักษา ส่วนหัวหรือแง่งที่ใช้ปลูกลงในทีแรกๆที่เฉาแล้วก็แห้งไปสุดท้าย ก่อนนำไปปลูก ควรจะทารอยแผลของแง่งกระชายดำที่ถูกหักออกมาด้วยปูนรับประทานหมาก หรือจะจุ่มไปในน้ำยากันเชื้อราก็ได้ แล้วผึ่งในที่ร่มจนถึงหมดหรือแห้ง แล้วจากนั้นจึงค่อยนำไปปลูก การปลูกกระชายดำก็ราวกับการปลูกกระชายปกติโดยปกติ สามารถปลุกได้ดีในดินที่ร่วนซุย การระบายน้ำดี แม้กระนั้นระวังไม่ให้น้ำท่วมขัง เนื่องจากว่าจะมีผลให้หัวหรือเหง้าบูดเน่าได้ง่ายส่วนในดินเหนียว และก็ดินลูกรังไม่ค่อยจะสมควรนัก โดยธรรมชาติรวมทั้งกระชายดำขอบขึ้นตามร่มไม้ในป่าดงดิบ รวมทั้งป่าเบญจพรรณทั่วๆไป แต่ในที่โล่งแจ้งก็สามารถปลูกได้
องค์ประกอบทางเคมีของกระชายดำ
ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์พบว่า ในเหง้ากระชายดำมีน้ำมันหอมระเหยแต่ว่าพบในปริมาณน้อย (ราวร้อยละ 1 – 3) น้ำมันหอมระเหยของกระชายดำประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิด อาทิเช่น 1.8-cineol,camphor, d-borneol แล้วก็ methyl cinnamate น้ำมันหอมระเหยที่พบส่วนน้อย อาทิเช่น d-pinene, zingiberene , zingiberone, curcumin และก็ zedoarin นอกนั้น ยังพบสารอื่น เช่น กรุ๊ปไดไฮโดรซาลโคน pincocembrin รวมทั้งกล่มุซาลโคน (อย่างเช่น 2 , 4 , 6-trihydroxy chalcone และก็ cardamonin)(ณาตยา ธนะศิริวัฒนา, สุนิดา ณ ตะกั่วทุ่ง, ธนนันต์ ฐานะจาโร,2540)
สูตรส่วนประกอบทางเคมีสารกรุ๊ป chalconeที่มา Rein (2005)
สูตรส่วนประกอบทางเคมีสารกลุ่ม Anthocyanin
ที่มา Castaneda-Ovando et al. (2009)
คุณประโยชน์กระชายดำ
ใช้ชูกำลัง แก้ปวดเมื่อยและก็อาการอ่อนล้า และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศขับลม เป็นยาอายุวัฒนะ แก้จุกเสียด แก้ปวดท้อง หรือตำกับเหล้าขาวคั้นน้ำกิน แก้โรคมดลูกทุพพลภาพ มดลูกหย่อน ใช้กวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก หรือต้มดื่มแก้โรคตา ช่วยบำรุงรักษาฮอร์โมนเพศชาย แก้กามตายด้าน ด้วยการใช้เหง้ากระชายดำสดนำมาดองกับเหล้าขาวและก็น้ำผึ้งแท้ (ในอัตราส่วน 1 กก. : เหล้าขาว 3 ขวด : น้ำผึ้ง 1 ขวด) ดองทิ้งไว้ราวๆ 9 – 15 วัน แล้วประยุกต์ใช้ดื่มวันละ 1 – 2 เป๊ก (กระชายดำไม่ได้เป็นยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แต่ช่วงเวลาการแข็งตัวที่นานขึ้น และก็สำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก็สามารถกินเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรกขึ้นได้)ถ้าคุณผู้หญิงทานแล้วจะช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนทางเพศ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ช่วยสำหรับเพื่อการนอน แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในตอนกลางคืน ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
รูปแบบ , ขนาดวิธีการใช้
สำหรับวิธีการใช้กระชายดำเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง แก้โรคบิด และก็ลมป่วงทุกประเภท
- หากเป็นเหง้าสด ให้ใช้ราว 4 – 5 เอามาดองกับเหล้าขาว 1 ขวดก่อนนำมารับประทานเป็นอาหารค่ำ ในปริมาณ 30 cc. หรือ จะฝานเป็นแว่นบางๆแช่กับน้ำกิน หรือเอามาดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1
- แม้เป็นเหง้าแห้งก็ให้ใช้ดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1 ต่อ นาน 7 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มก่อนนอน
- ถ้าเกิดเป็นแบบชงหรือแบบผง ให้ใช้ผงแห้ง 1 ซอง ชงกับน้ำร้านค้า 1 แก้ว (ขนาน 120 cc.) และแต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลตามความปรารถนา แล้วนำมาดื่ม
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของกระชายดำ
- ฤทธิ์ต้านทานอักเสบ สาร 5,7 – ได้เมธอกซีฟลาโวน (5,7-DMF) ที่แยกได้จากเหง้ากระชายดำ มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบเทียบเคียงได้กับยามาตรฐานหลายอย่างเป็นแอสไพริน , อินโดความรู้ซิน , ไฮไดรคอร์ติโซน และก็เพรดนิโซโลน จากการศึกษาฤทธิ์ต่อต้านอักเสบของสารนี้ ในสัตว์ทดสอบด้วยแนวทางต่างๆพบว่าสาร 5,7-DMF สามารถต้านทานการอักเสบแบบกระทันหันได้ดีมากว่าแบบเรื้อรัง โดยแสดงฤทธิ์ยั้งการบวมของอุ้งเท้าหนูขาวจากสารคาราจีนแนน แล้วก็เคโอลินได้ดีกว่าฤทธิ์ยับยั้งการสร้าง granuloma จากการฝังสำลีใต้ผิวหนัง นอกจากนั้น พบว่า สาร 5,7-DMF มีฤทธิ์ยั้งการเกิด exudation แล้วก็การสร้างสาร prostaglandin อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเรียนรู้ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบในช่องปอดของหนูขาว (rat pleurisy) (สกุลพัฒนา ทัศนียกุล และอำไพ ปั้นทอง,2528)
- ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์ สาร 5,7,4'-trimethoxyflavone แล้วก็ 5,7,3' ,4' –tetramethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Plasmodium falciparum ที่เป็นต้นเหตุของโรคมาลาเรีย ส่วนสาร 3,5,7,4'-tetramethoxyflavone และก็ 5,7,4'-trimethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Candida albicans และแสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Mycobacterium อย่างอ่อน (Wattanapitayakui S, Nawinprasert A, Herunsalee A, et al,2003)
- พิษต่อเซลล์ของมะเร็ง (cytotoxic activity) จากการทดลองผลของฟลาโวนอยด์ 9 ประเภทของกระชายดำต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง อาทิเช่น KB , BC หรือ NCI-H187 ไม่พบว่ามีสารใดส่งผลให้เกิดพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็งที่ทดสอบ (วงศ์ความเจริญรุ่งเรือง ทัศนียกุล และก็อำไพ ปั้นทองคำ,2528)
- ฤทธิ์ขยายเส้นเลือดแดง มีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดด้วยเอธานอลของกระชายดำมีฤทธิ์ขยายเส้นโลหิตแดงใหญ่ (aorta) ลดละการหดเกร็งของ ลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ของหนูขาว และก็ยั้งการยึดกลุ่มของเกล็ดเลือดของคน.(Yenchai C, Prasaphen K, Doodee S, et al,2004)
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
การเล่าเรียนพิษเรื้อรังช่วงเวลา 6 เดือน ของผงกระชายดำในหนูขาว ในขนาด 20 , 200 , 1000 และก็ 2000 มก/กิโลกรัม/วัน เทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับน้ำ พบว่า หนูที่ได้รับกระชายดำทุกกลุ่มมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อาการและสุขภาพไม่ได้ต่างอะไรจากกลุ่มควบคุมหนูที่ได้รับกระชายดำขนาด 2000 มก/กก. มีน้ำหนักชมรมของตับสูงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ บางทีอาจเนื่องจากว่ามีน้ำหนักตัวที่ต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม และมีเม็ดเลือดขาวอิโอสิฟิสที่ได้รับกระชายดำ 2000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม หรูหราซีรั่มโซเดียมสูงยิ่งกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญแม้กระนั้นยังอยู่ในช่วงค่าธรรมดา ผลการตรวจอวัยวะทางจุลพยาธิวิทยานั้นไม่เจอความเคลื่อนไหวที่ชี้ว่ากำเนิดความเป็นพิษของกระชายดำ (ทรงพล ชีวะพัฒน์, ณุฉัตรา จันทร์สุวาณิชย์, ปราณี ชวลิตทรง แล้วก็แผนก.2547)
ข้อแนะนำ /{ข้อควรระวัง
- กระชายดำสามารถกินได้หญิง และชายโดยไม่เกิดผลใกล้กันอะไรก็ตามยิ่งสำหรับคนชราก็พบว่านิยมใช้กันมานานมากแล้ว
- ผลกระทบของกระชายดำ การกินในขนาดสูง อาจจะทำให้เกิดอาการใจสั่นได้
- ห้ามใช้กระชายดำในเด็ก รวมทั้งในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ
- การรับประทานเหง้ากระชายดำติดต่อกันนาน อาจทำให้เหงือกร่น
- แม้จะมีงานศึกษาค้นคว้าวิจัยในสัตว์ทดสอบที่บอกว่ากระชายดำไม่พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อประเมินประสิทธิผล ของการใช้กระชายดำในคนจึงควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น