วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

กวาวเครือขาว คุณประโยชน์คุณประโยชน์ และก็งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยข้อดีจุดอ่อน

กวาวเครือขาว ประโยชน์คุณประโยชน์ และงานค้นคว้าข้อดีจุดอ่อน
กวาวเครือขาว ผลดีกวาวสรรพคุณ รวมทั้งงานศึกษาวิจัย
ชื่อสมุนไพร กวาวเครือขาว
ชื่ออื่นๆ/ ชื่อประจำถิ่น กวาวเครือ , จานเครือ (อีสาน) ,ตานเครือ , ทองนอกรือ , จอมทอง , (ใต้) ตานจอมทอง (ชุมพร) โพ้ต้น ( จังหวัดกาญจนบุรี) .โพะตะข้า
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pueraia candollei Graham ex Benth. Var mirifica
ชื่อสกุล Leguminosae-Papilionoideae

ถิ่นเกิด
กวาวเครือขาวเป็นพืชที่ขึ้นบริเวณป่าเบญจพรรณ เจอกระจากทั่วไปตั้งแต่ อินเดีย กลุ่มประเทศอินโดจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน ญี่ปุ่น และก็ ไทย สำหรับในประเทศไทย พบกระจากในป่าเบญจพรรณในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และก็ภาคอีสาน แม้กระนั้นจะมักพบในภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีอินทรีย์สารสูงตามชายเขา ดินที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างโดยประมาณ 5.5 ที่สูงจาก

ระดับน้ำทะเล 300 – 800 เมตร ในสภาพธรรมชาติมีการกระบุงชนิดด้วยเม็ด โดยทั้งนี้พบว่าจะมีการออกดองตอนเดือนกุมภาพันธ์ถึงมี.ค.และก็ติดฝักในเดือนเมษายน สามารถพบกวาวเครือขาวพันอยู่กับต้นไม้ใหญ่โดยยิ่งไปกว่านั้นต้นสักในจังหวัดกาญจนบุรี ตาก ลำปาง เชียงใหม่ ในรอบๆที่เป็นป่าไผ่ในจังหวัดกาญจนบุรี สระบุรี ลพบุรี ชัยภูมิ พบว่ามีกวาวเครือขาวกระจากจำพวกอยู่ได้ดีด้วยเหมือนกัน
ลักษณะทั่วไปของกวาวเครือขาว
กวาวเครือขาวเดินถูกให้มีชื่อด้านวิทยาศาสตร์ว่า Butea superba Roxb. เป็นพืชเชื้อสายถั่ว ขึ้นในป่าเบญจพรรณ ลักษณะเป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดใหญ่ ผลัดใบ เลื้อยพาดพันบนต้นไม้เปียกชื้น
ลำต้นสะอาด อาจยาวถึง 5 เมตร ใบเป็นในประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ (Pinnately trifoliate) เรียงสลับกันปลายใบมีลักษณ์รูปไข่ปลายแหลม เนื้อใบข้างบนเกลี้ยงข้างล่างมีขนสั้นๆเล็กน้อยเส้นแขนงใบข้างละ 5 – 7 เส้น ใบย่อยด้านข้างโคนมีลักษณะเบี้ยว หูใบรูปไข่ มีเยื่อก้านใบเห็นชัดแจ้ง ใบตกแต่งมีลักษณะเป็นเกล็ดมีขนาดเล็กมากมาย
ดอกออกในระยะผลัดใบ เป็นช่อยาวราวๆ 30 เซนติเมตร ดอกจะออกตามาซอกกิ่ง ข่อดอกเป็นข่อคนเดียวและก็ช่อแยกแขนงออกปลายกิ่ง ดอกมีกลีบตกแต่งรองรับ ดอกย่อยเป็นรูปถั่วเป็นดอกสมบูรณ์เพศมีทั้งเพศผู้รวมทั้งเพศเมียในดอกเดียวกัน ทรงดอกเป็นแบบ Zygomorphic แบบที่เรียกว่า Papilionacaceous form ดอกมีกลีบดอก 5 กลีบ ที่มีขนาดรวมทั้งลักษณะไม่เหมือนกัน กลีบที่อยู่นอกสุดมีขนาดใหญ่สุด เรียกว่ากลีบ Standard กลีบที่ประกบอยู่ทางด้านข้างทั้งสอง มีลักษณะคล้ายกัน เป็นงอนโค้งคล้ายปีกนกเรียกว่า กลีบ wing กลีบที่อยู่ภายในสุด 2 กลีบ จะเชื่อมรวมกันเป็นกระพุ้งเหมือนท้องเรือ เรียกว่า กลีบ (keel) เป็นกลีบที่ห่อเกสรไว้ มีก้านชูอับเรณูติดกัน ดอกมีสีฟ้าอมม่วงถึงสีน้ำเงิน 2 – 3 ดอกต่อช่อ มีเกสรตัวผู้ 10 อัน รังไข่ยาวเป็นแบบ superior ข้างในมี 1 ห้องมีเม็ดไข่อยู่ภายใน
ฝักมีลักษณะแบน เมื่อแก่มีสีออกน้ำตาล ผิวมีขนสั้นๆห่างๆถึงเกลี้ยง ฝักมีความกว้างประมาณ 7 มิลลิเมตร ยาวโดยประมาณ 3 เซนติเมตร มีเม็ด 3 – 5 เมล็ดต่อฝัก เมล็ดมีลักษณะกลมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ราว 2 – 4 ซม. เม็ดแก่จะมีลายสีเขียวผสมม่วง หรือ สีน้ำตาลผสมม่วง
หัวเป็นหัวใต้ดินเหมือนหัวมันแกว (Tiberous root) จะมีฤทธิ์ทางยามากในตอนที่ผลัดใบ มีหลายขนาด หัวที่แก่มากมีขนาดใหญ่ อาจมีน้ำหนักสูงถึง 20 กก. ที่เปลือก เมื่อเอามีดเฉือนจะมียางสีขาวเหมือนนม เนื้อในสีขาวเหมือนมันแกว เนื้อจะเปราะ มีเส้นมาก รสเย็นเบื่อเมา หัวที่ยังเล็ก เนื้อในจะละเอียด มีน้ำมากมาย
การขยายพันธุ์กวาวเครือขาว
ขยายพันธุ์โดยการปลูกแบบเพาะเมล็ด โดยอาจจะเริ่มต้นโดยการสร้างต้นพันธุ์จากเม็ดหรือโดยวิธีอื่น การสร้างต้นจำพวกจากเม็ดจะต้องรอคอยเก็บเมล็ดในช่วงต้นถึงกลางฤดูร้อน เพราะว่ากวาวเครือขาวออกดอกติดฝักในช่วงกลางฤดูหนาวจนกระทั่งกลางหน้าร้อน บ่อเกิดของเม็ดเป็นต้นกวาวเครือขาวที่อยู่ในป่า แกะเมล็ดออกจากฝัก เก็บเอาไว้ในที่แห้งหรือในภาชนะที่มีการระบายอากาศได้ กระทำการเพาะเมล็ดในกระบะบรรจุดินผสมปุ๋ยอินทรีย์โดยให้เมล็ดถูกฝังกลบไว้ลึกราวๆ 1 ซม. รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน เสนอแนะให้ทำเพาะเม็ดในตอนที่อากาศร้อนจัดที่สุด ความร้อนจะช่วยให้เมล็ดผลิออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปเมล็ดที่เก็บจากฝักที่แห้งคาต้นแล้วเอามาเพาะในปีนั้นจะมีอัตราการงอกเกือบจะ 100% เมล็ดที่ถูกเก็บไว้ข้ามปีจะมีอัตราแตกหน่อลดลง
องค์ประกอบทางเคมี
หัวกวาวเครือขาวมีสารที่มีสาระอยู่อีกหลายประเภทแล้วก็สารที่ออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมน เอสโตรเจน ยิ่งกว่านั้นยังพบข้อมูลทางด้านโภชนาการดังต่อไปนี้




________________________________________
ส่วนประกอบ ปริมาณ (เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักแห้ง)
________________________________________
พลังงานจากไขมัน 5.85 แคลอรีต่อ 100 กรัม
คาร์โบไฮเดรตรวม 67.66
เส้นใยรวม (dietary Fiber) 20.39
น้ำตาลรวม (Total Sugar) 19.35
คาร์โบไฮเดรต อื่นๆ 27.92
โปรตีน 7.88
ไขมัน 0.66
แคลเซี่ยม 7.56
เหล็ก 0.029
พลังงานรวม 308.01 แคลอรีต่อ 100 กรัม
________________________________________

ส่วนประกอบทางเคมีของหัวกวาวเครือขาว (Pueraria mirifica)
ที่มา : ชาลีแล้วก็วันชัย (2544)

ส่วนสาระสำคัญกลุ่มต่างๆ
ที่เจอในกวาวเครือขาวสามารถแบ่งเป็นกลุ่มๆได้ดังต่อไปนี้
7.1 สารกรุ๊ปคูมารินส์ (Coumarins)
ดังเช่น Coumestrol, Mirificoumestan, Mirificoumestan Glycol แล้วก็ Mirificoumestan hydrate

สูตรโครงสร้างทางเคมีของ Coumestrol
ที่มา : สุนิสา (2552)

สูตรโครงสร้างทางเคมีของ Mirificoumestam
ที่มา : สุนิสา (2552)

7.2 สารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)
โดยในหัวกวาวเครือขาวมีสารจำพวก lsoflavonoid หลายชนิด ได้แก่ Genistain, Daidzein, Daidzin, Puerarin, Puerein-6-monoacetate, Mirificin, Kwakhurin และก็ Kwakhurin hydrate

Genistein : R1 = H , R2 = OH
Daidzein : R1 = H , R2 = H
Puerarin : R1 –Glucose, R2 = H
Mirificin : Glucose – Apiose , R2 = E
สูตรองค์ประกอบทางเคมีของสารกลุ่ม Flavonoids
ที่มา : สุนิสา (2552)
7.3 สารกรุ๊ปโครมีน (Chromene)
สาระสำคัญลำดับแรกๆในกวาวเครือ ดังเช่นว่า Miroestrol ซึ่งเป็นสารที่มีกล่าวว่ามีฤทธิ์เหมือนเอสโตรเจน เจอจำนวน 0.002 – 0.003 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักหัวแห้ง หรือโดยประมาณ 15 มก.ต่อกก.ของกวาวเครือแห้ง มีรูปผลึก 2 แบบ คือ แบบที่มีน้ำหนักอยู่ในผลึก (hydrate form) ลักษณะเป็นรูปเข้มอ้วน รวมทั้งแบบผลึกที่ไม่มีน้ำอยู่ในผลึก (anhydrate form) มีลักษณะเป็นแผ่น ไม่มีสี มีจุดหลอมเหลว 268 – 270 องศาเซลเซียส

สูตรส่วนประกอบทางเคมีของ Miroestrol
ที่มา : สุนิสา (2552)

7.4 สารกลุ่มสเตียรอยด์ (steroids)
สเตียรอยด์ที่เจอในหัวกวาวเครือ ยกตัวอย่างเช่น B-sitosterol, Stigmasterol, Pueraria และก็ Mirificasterol
7.5 สารประกอบอื่นๆ
นอกจากสารกลุ่มที่กล่าวแล้วข้างต้น ในหัวกวาวเครือขาวยังมีสารประเภทแอลเคน แอลกอฮอร์รวมทั้งสารชนิดไขมัน คือ Puereria, Mififica glyceride lithium, Potassium, Sodium, Phosphate, แคลเซียม, โปรตีน, ไขมัน, รวมทั้งไฟเบอร์ นอกเหนือจากนี้ยังมีสารจำพวก Saponim อยู่อีกหลายแบบ
ซึ่งสารต่างๆกลุ่มนี้หลายแบบมีคุณลักษณะเป็นไฟโตเอสโตรเจน (phytoestrogen) ซึ่งแปลว่าเป็นเอสโตรเจนที่ได้จากพึชและก็ออกฤทธิ์เหมือนกับฮอร์โมนเอสโตรเจนทุกสิ่งทุกอย่าง หรือบางทีอาจหมายความว่าสารที่ออกฤทธิ์ที่ตัวรับ (Receptor) เดียวกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเดี๋ยวนี้ทราบดีแล้วว่า receptor นี้มี 2 Subtype คือ estrogen receptor alpha และก็ beta subtype ตอนนี้ไฟโตเอสโตรเจนที่มีอยู่ในกวาวเครือขาวสามารถแบ่งได้สารที่มีความแรงสูงและก็ความแรงต่ำ โดยกลุ่มที่มีความร้ายแรงต่ำ อย่างเช่น Coumestrol, Daidzein, Daidzin, Genistin, Genistein, Mirificn และ Puerarin
คุณประโยชน์กวาวเครือขาว
หัว รสเย็นเบื่อเมา บำรุงเนื้อหนังให้เต่งตึง บำรุงสุขภาพ บำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะสำหรับคนแก่ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้อ่อนเพลีย ผ่ายผอม นอนไม่หลับ มีฮอร์โมนเพศหญิงสูง ทาหรือกินทำให้เต้านพขยายตัว เส้นผมดกดำ เพิ่มเส้นผม เป็นยาปรับรอบเดือนอาจส่งผลให้แท้งบุตรได้ บำรุงความกำหนัด ทำให้อวัยวะสืบพันธุ์แล้วก็มดลูกมีเลือดมาคั่งมากขึ้นเรื่อยๆ บำรุงอวัยวะสืบพันธุ์ให้รุ่งเรือง แก้โรคจาฟาง ต้อกระจก ทำให้ความจำดี ทำให้มีพลัง เคลื่อนว่องไว บำรุงโลหิต กินได้นอน ผิวหนังเต่งตึงเปล่งปลั่ง ช่วยลดอาการของสตรีวัยหมดระดู โดยมีการศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ขของกวาวเครือขาวต่อการลดอาการร้อนวูบวาบ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งช่วยให้เรื่องของความจำและก็การเล่าเรียน ช่วยลดอาการช่องคลอดแห้งในสตรีวัยหมดประจำเดือนได้
แบบแล้วก็ขนาดวิธีการใช้กวาวเครือขาว
สถาบันการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข เจาะจงขนาดการใช้ดังต่อไปนี้
การใช้เป็นองค์ประกอบในตำรับบำรุงย่างกาย ให้กินยาตำรับที่มีส่วนประกอบของผงกวาวเครือขาว ไม่เกิน 1 – 2 มิลลิกรัม ต่อกก.ต่อวัน หรือโดยประมาณวันละไม่เกิน 50 – 100 มก. อาการข้างเคียงที่อาจพบได้เป็น เจ็บเต้านม มีเลือดออกเปลี่ยนไปจากปกติทางช่องคลอด ปวดหรือเวียนหัว อ้วกอาเจียน
แบบเรียนยาของหลวงอนุสารเสนาะ
เจาะจงขนาดที่ใช้ของหัวกวาวเครือขาว โดยให้กินกวาวเครือขาวผสมน้ำผึ้ง ขนาดเท่าเม็ดพริกไทย 1 เม็ดต่อวัน กินมากมายจะทำให้เมาเป็นพิษคนวัยหนุ่มวัยสาวไม่สมควรกิน
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของกวาวเครือขาว
การทดสอบในหนูเพศเมียที่กินกวาวเครือขาวพบว่า มีผลยั้งการให้นมของหนูที่กำลังให้นม โดยไปยังยั้งการเจริญของต่อมน้ำนม แล้วก็การสร้างนม ส่งผลคุ้มครองการตั้งท้อง เมื่อให้หนูกินในตอนตั้งครรภ์วันที่ 1 – 10 ติดต่อกัน หรือให้กินในช่วงที่มีการโยกย้ายของตัวอ่อน โดยการทำให้เกินการแท้ง แล้วก็เมื่อให้ในหนูที่ตัดรังไข่ออก รับประทานกวาวเครือพบว่าน้ำหนักของมดลูกและปริมาณของเหลวในมดลูกมากขึ้น เหมือนกันกับที่พบในหนูที่ได้รับ ethinyl estradiol รวมทั้งมีกล่าวว่ากวาวเครือขาวมีฤทธิ์คุมกำเนิดที่ดีในหนูขาวเมื่อให้ในขนาด 1 กรัม/ตัว/สัปดาห์ ส่วนผลของกวาวเครือขาวต่อหนูเพศผู้พบว่าสัตว์มีการกระทำการผสมพันธุ์ลดลง และมีขนาด และน้ำหนักอัณฑะ epididymis ต่อมลูกหมาก แล้วก็ seminal vesicles น้อยลง และมีปริมาณตัวสเปิร์ม และก็เปอร์เซ็นต์การเคลื่อนไหวของตัวน้ำเชื้อน้อยลง
การเล่าเรียนทางสถานพยาบาลในระยะที่ 2 ในอาสาสมัครกรุ๊ปก่อนและข้างหลังวัยหมดระดู ที่มีลักษณะอาการพร่องฮอร์โมนเอสโตรเจน ปริมาณ 37 ราย ใช้เวลา 6 เดือน พบคะแนนของงอาการวัยหมดระดูลดน้อยลงจาก 35.6 เป็น 15.1 แล้วก็ 32.6 เป็น 13.69 ในกลุ่มที่ได้รับ 50 มก.ต่อวัน และ 100 มิลลิกรัมต่อวัน ตามลำดับ แม้กระนั้นพบอาการข้างๆหมายถึงอาการคัดตึงเต้านมราวร้อยละ 35 และก็อาการเลือดออกกระปริดกระปรอยราวจำนวนร้อยละ 16.2

การศึกษาทางพิษวิทยาของกวาวเครือขาว
การศึกษาเล่าเรียนพิษรุนแรงของผงหัวกวาวเครือขาวในรูปผงยาแขวนขี้ตะกอนในน้ำ พบว่าไม่นำไปสู่อาการพิษฉับพลันในหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้สัตว์ทดสอบตายครึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากกว่า 16 กก. / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม การทดสอบพิษครึ่งหนึ่งเรื้อรังในหนูขาวชนิดวิสตาร์โดยการป้อนผงหัวกวาวเครือขาวในรูปผงยาแขวนขี้ตะกอนในน้ำ ขนาด 10 แล้วก็ 100 มก./กก./วัน ไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนไปจากปกติต่อค่าเลือดวิทยา แล้วก็ค่าทางวิชาชีวเคมี หรือพยาธิสภาพอะไรก็แล้วแต่แต่การให้ในขนาด 1000 มก./กิโลกรัม/วัน ทำให้หนูเกิดภาวะโลหิตจาง จำนวนเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ระดับวัวเลสเตอรอล น้ำหนักอัณฑะ ของหนูเพศผู้ลดน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง แล้วก็มีอัตราการเกิด hyperemia ของอัณฑะ ในหนูเพศเมียที่ได้รับในขนาด 100 และก็ 1000 มก./กก./วัน พบว่าระดับวัวเลสเตอรอลลดลง มดลูกบวมเต่ง มีอัตราการเกิด cast ที่ไตสูงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อแนะนำ
ถ้าหากกินเกินขนาด จะมีอันตรายได้ ทำให้มีลักษณะมึนเมา คลื่นไส้ คลื่นไส้ ห้ามใช้ในหญิงวัยเจริญพันธุ์ เพราะว่าสารที่มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนผู้หญิงในกวาวเครือขาวมีความแรงของตัวยาจะรบกวนแนวทางการทำงานของฮอร์โมนเพศ และก็ระบบรอบเดือนได้
ข้อควรตรึกตรอง ห้ามกินเกินขนาดที่ชี้แนะให้ใช้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...