วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

ถิ่นกำเนิดหมามุ่ย

หมามุ่ย ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อ หมามุ่ย
ชื่ออื่นๆ บะเหยือง หม่าเหยือง (ภาคเหนือ) ตำแย (ภาคกลาง) โพล่ยู (กะเหรี่ยงกาญจนบุรี) กลออือแซ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mucuna pruriens (Linn.) DC.
ชื่อสามัญ/ชื่ออังกฤษ Cowitch
วงศ์ LEGUMINOIDEAE

ถิ่นกำเนิดหมามุ่ย

หมามุ่ยเป็นพืชที่มีบ้านเกิดเมืองนอนในเขตโซนร้อน (tropical) ต่างๆของโลกในทวีปแอฟริการวมทั้งทวีปเอเชีย โดยในทวีปเอเชียสามารถเจอหมามุ่ยได้ในประเทศ ไทย อินเดีย จีน พม่า ลาว กัมพูชา ฯลฯ และก็ชอบมีชื่อเรียกแตกต่างไปตามแต่ละประเทศ ซึ่งหมามุ่ยในโลกนี้ มีจำนวนมากนับร้อยสายพันธุ์ แต่ก็ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์เดียวกัน

ลักษณะทั่วไปของหมามุ่ย

หมามุ่ยจัดเป็น ไม้ล้มลุกฤดูเดียว มีเถาเลื้อย ยาว 2-10 เมตร มีขนหนาแน่น ใบ เป็นใบประกอบแบบขน ออกเรียงสลับ ใบย่อยมี 3 ใบ ที่ปลาย รูปไข่หรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ใบกึ่งกลางมักมีขนาดใหญ่ที่สุด กว้าง 3-10 เซนติเมตร ยาว 5-15 เซนติเมตร แผ่นใบทั้งคู่ด้านมีขนสีเทาปกคลุม ฐานใบเบี้ยว ปลายใบมนหรือมีติ่งแหลม ขอบใบเรียบ เส้นกลางใบมี 3 เส้น ดอกออกเป็นช่อกระจะที่ซอกใบ แขวนลงมา ยาว 15-30 เซนติเมตร ดอกสีม่วงคล้ำ มีกลิ่นเหม็นเอียน รูปดอกถั่ว ดอกย่อยมีไม่น้อยเลยทีเดียว ขนาดกว้าง 1-2 เซนติเมตร ยาว 2-4 ซม. กลีบกึ่งกลางรูปไข่ ปลายกลีบเว้า กลีบคู่ข้างรูปขอบขนานแกมรูปไข่ กลีบเลี้ยง โคนเชื่อมชิดกันเป็นรูป ปลายแยกเป็น 5 กลีบ สีน้ำตาลอ่อน มีขนเหมือนเส้นไหมปกคลุม เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านเกสรเชื่อมกันเป็น 2 กรุ๊ป อับเรณูมีสองแบบ เกสรเพศเมียมีรังไข่รูปแถบ มีขนยาวสีเทา รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ผล เป็นฝักโค้งรูปขอบขนาน กว้าง 0.8-1 เซนติเมตร ยาว 5-9 เซนติเมตร ดกราว 5 มิลลิเมตร  มีลักษณะม้วนงอที่ปลายฝัก ตามผิวมีขนสีน้ำตาลอมเหลืองหนาแน่น เป็นขนแข็งแล้วก็สั้น เพียงพอฝักแห้งขนจะหลุดร่วงลอยละล่องตามลมได้ง่าย เมื่อโดนผิวหนัง จะมีผลให้คัน ปวดแสบปวดร้อน เมล็ดมี 4-7 เม็ด สีดำวาว เจอตามป่าเขา ดงไผ่ แล้วก็ที่แจ้งในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ออกดอกรวมทั้งติดผลราวเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม

ความแตกต่างของหมามุ่ยไทย รวมทั้งหมามุ่ยประเทศอินเดีย หมามุ่ยไทยแล้วก็หมามุ่ยอินเดียนั้นดูผิวเผินแล้วบางทีก็อาจจะคล้ายกัน แต่ว่าก็มีความต่างกันที่ฝักรวมทั้งเม็ด โดยสามารถสังเกตได้ว่าหมามุ่ยอินเดียจะมีขนฝักสั้น เมื่อสัมผัสแล้วจะไม่มีอาการคัน แล้วก็เมื่อแกะฝักออกมาแล้วเม็ดที่อยู่ข้างในจะมีสองสีสลับกัน ดำบ้างขาวบ้าง ขณะที่หมามุ่ยไทยนั้นจะมีขนฝักยาวแล้วก็ถ้าเกิดสัมผัสก็จะมีผลให้กำเนิดอาการคันแล้วก็ อาจกำเนิดอาการแพ้ได้ ทั้งนี้ขนาดฝักก็ยังเล็กกว่าหมามุ่ยประเทศอินเดีย ส่วนสีของเมล็ดจะเป็นสีดำสนิทขนาดคละกันไป

การขยายพันธุ์ของหมาหมุ่

หมามุ่ยสามารถปลูก แล้วก็ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเม็ด แต่โดยธรรมดาหมามุ่ยสามารถพบได้ในป่าตามธรรมชาติ ป่ารกร้างแถบชานเมืองหรือป่าเบญจพรรณ รวมทั้งมักแพร่ระบาดเป็นหย่อมทั่วบริเวณที่เจอ หมามุ่ยเป็นพืชเถาที่เติบโตได้ดิบได้ดีในทุกดิน มีความคงทนต่อภาวะแล้ง แต่รังเกียจพื้นที่ดินชุ่ม และก็มีน้ำขัง  การปลูกจะใช้กระบวนการเพาะเมล็ดในถุงเพาะชำก่อน 1-2 เดือน แล้วนำลงแปลงปลูกภายในระยะระหว่างต้น 2 x 2 เมตร หลังปลูกเสร็จจะต้องทำค้างด้วยไผ่รอบหลุมปลูก เส้นผ่านศูนย์กลางราว 1-1.5 เมตร สูงโดยประมาณ 1.5 เมตร ส่วนของหมามุ่ยที่ประยุกต์ใช้คุณประโยชน์หมายถึงเมล็ดแก่ ซึ่งจะต้องเก็บเม็ดในระยะฝักแก่ ซึ่งระยะนี้เถาจะมีใบเหลือง ฝักมีสีน้ำตาลอมแดง ซึ่งสามารถเก็บได้ทั้งฝักดิบแก่แล้วก็ฝักแก่แห้ง  สำหรับในประเทศไทยสายพันธุ์ที่เจอจะเป็นกรุ๊ปไม้ป่า Mucuna pruriens (L.) DC.  (Cultivar group Pruriens)ซึ่งจะมีขนพิษปกคลุมที่ฝัก กระตุ้นให้เกิดอาการคันเมื่อสัมผัส ส่วนกรุ๊ปที่เป็นไม้ปลูก Mucuna pruriens (L.) DC.  (Cultivar group Utillis) จะไม่มีขนพิษที่ฝักและไม่มีการปลูกในเมืองไทย

องค์ประกอบทางเคมีเมล็ด 

พบสาร L-dopa หรือ L-3,4- dihydroxyphenylalanine สารกลุ่มอัลคาลอยด์ เช่น prurienine, prurienidine, nicotine,  leeihun, gallic acid, tryptamineขน พบสาร serotonin และเอนไซม์ที่ทำให้ระคายเคืองผิวหนัง เช่น proteinase, mucanain

สรรพคุณ/การใช้ประโยชน์ของหมามุ่

แบบเรียนยาไทย เมล็ด ปรุงเป็นยาแก้ไข้ ขับปัสสาวะ บำรุงประสาท ฝาดสมาน รักษาโรคผู้ชาย กระตุ้นกำหนัด กระตุ้นรวมทั้งเพิ่มสมรรถภาพทางเพศชาย ราก ขับฉี่อย่างแรง ใบ เป็นยาพอกแผล  ขน จากฝักกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการระคายเคืองอย่างแรง ทำให้คันรวมทั้งเป็นผื่นแดง ปวดรวมทั้งบวม   

ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้ไม่อ่อนเพลียง่าย ช่วยทำให้ร่างกายมีชีวิตชีวากระชุ่มกระชวย เพิ่มความแคล่วคล่องว่องไวช่วยทำให้นอนสบาย จิตใจเบิกบานแจ่มใสช่วยเพิ่มความสามารถทางเพศให้ดีเลิศเพิ่มขึ้นช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำเชื้อ และก็ช่วยทำให้คุณภาพของน้ำเชื้อให้ดีเลิศยิ่งขึ้นช่วยคลายเครียดช่วยเพิ่มการเผาผลาญและมวลของกล้ามเนื้อ   ชาวเขาเผ่าอีก้อ ใช้ ใบ  ตำคั้นน้ำ ทา หรือพอก รักษาอาการไฟเผาน้ำร้อนลวก

หมามุ่ยมีปรากฏอยู่ในตำราเภสัชตำรับอายุรเวทของประเทศอินเดียว่ามีมีการนำเม็ดรวมทั้งรากมาใช้ทำยาโดยระบุว่าเม็ดมีสรรพคุณสำหรับในการรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในขนาดกิน 3-6 กรัม และก็ยังมีการประยุกต์ใช้กับโรคพาร์กินสันอีกด้วย

นอกนั้นในเม็ดของหมามุ่ยจะมีสาร L-dopaหรือ L-3,4- dihydroxyphenylalanine อยู่จำนวนสูง ซึ่งถูกนำมาสร้างเพื่อกิจการค้าในการรักษาโรคพาร์กินสัน ซึ่งสาร L-dopa นี้เป็นสารขึ้นต้นของสารสื่อประสาท dopamine ซึ่งมีผลต่อสมองส่วนต่างๆในหลายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมการเคลื่อนไหว และก็ยังส่งผลทำให้ความดันโลหิตต่ำลงอีกด้วย

หมามุ่ยมีประวัติการนำมาใช้เป็นของกินในบางประเทศ ตัวอย่างเช่น ประเทศอินเดีย มีการนำเมล็ดมาต้มน้ำหลายๆครั้งที่แล้วนำมากินเพื่อกำจัดสารต้านโภชนาการ(anti-nutritional factors) ประเทศกัวเตมาลาแล้วก็ประเทศเม็กซิโก มีประวัติการนำมาอบและก็บดใช้กินแทนกาแฟ ใบใช้เป็นของกินเลี้ยงสัตว์ เป็นต้นแม้กระนั้น มีหลายประเทศที่จัดหมามุ่ยเป็นพืชที่ต้องระวังสำหรับเพื่อการใช้ ดังจะมองเห็นได้จากการที่หมามุ่ยมีปรากฏอยู่ในรายชื่อพืชที่มีรายงานว่าประกอบด้วยสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งบางทีอาจไม่ปลอดภัยต่อร่างกายของผู้คนเมื่อใช้ในของกินหรือผลิตภัณฑ์เสริมของกิน (Compendium of botanicals reported to contain naturally occurring substances of possible concern for human health when used in food and food supplements) ที่คณะทำงานร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ของ EFSA (European Food Safety Authority Scientific Cooperation Working Group) ได้จัดสะสมขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบกิจการประเมินความปลอดภัยของของกินและก็สินค้าเสริมของกินที่มีพืชกลุ่มนี้เป็นส่วนประกอบ

รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้หมามุ่ย

แก้พิษแมงป่องกัดโดยตำเม็ดหมามุ่ยให้เป็นผงแล้วผสมน้ำบางส่วนใช้พอกบริเวณที่ถูกกัด แก้ไอโดยใช้รากหมามุ่ยผสมกับรากมะเขือขมแช่น้ำรับประทาน หรือนำรากหมามุ่ยมาต้มกับน้ำแล้วกินน้ำก็จะแก้อาการไอได้ ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยล้าตามร่างกาย บอบช้ำใน ด้วยการใช้รากหมามุ่ย 1 กิโลกรัม เม็ดผักกาด 5 ขีด รวมทั้งเม็ดผักชี 3 ขีด เอามาตำรวมกันจนถึงเป็นผุยผงแล้วผสมน้ำผึ้งป่าหมักทิ้งเอาไว้ 3 เดือน แล้วประยุกต์ใช้รับประทานก่อนนอน (ขนาดเท่าผลมะพวง) โดยที่กล่าวมานี้เป็นแบบแล้วก็วิธีการใช้ในหนังสือเรียนโบราณเท่านั้น ในการควบคุมผลิตภัณฑ์จากเม็ดหมามุ่ยตามกฎหมายในประเทศไทย ณ เดี๋ยวนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยังไม่มีการอนุญาตเม็ดหมามุ่ยเป็นเสริมของกินแม้กระนั้นมีการอนุญาตขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนโบราณในสูตรผสมประกอบด้วยเม็ดหมามุ่ยแล้วก็สมุนไพรอื่นๆสำหรับสรรพคุณบำรุงร่างกายเท่านั้น

การศึกษาทางเภสัชวิทยา

หมามุ่ยที่มีการเอามาทำการวิจัยในตอนนี้แล้วก็มีผลการศึกษาวิจัยที่ออกมานั้น เป็นหมามุ่ยสารพัดธุ์ประเทศอินเดียรวมทั้งสายพันธุ์จีน ส่วนสายพันธุ์ของไทยนั้น ยังไม่มีการนำมาศึกษาศึกษาค้นคว้าอะไร โดยการศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ของหมามุ่ยต่อสมรรถภาพทางเพศในสัตว์ทดสอบพบว่า การป้อนหนูแรทเพศผู้ด้วยสารสกัดเอทานอลเมล็ดหมามุ่ยที่ความเข้มข้น 200 มิลลิกรัม/กก.ของน้ำหนักตัว วันละครั้ง เป็นเวลา 21 - 45 วัน สามารถเพิ่มสมรรถนะทางเพศของหนูได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งส่งผลทำให้การกระทำทางเพศของหนูแปรไป โดยมีความประพฤติการจับคู่และการขึ้นคร่อมตัวเมียถี่ขึ้น รวมทั้งมีระยะเวลาสำหรับการเริ่มสอดใส่อวัยวะสืบพันธุ์ครั้งแรกกระทั่งหลั่งน้ำอสุจิ (ejaculation latency, EL) นานขึ้น ยิ่งไปกว่านี้การเรียนรู้ทางสถานพยาบาลในประเทศประเทศอินเดียกับอาสาสมัครเพศชายที่มีภาวะจำนวนสเปิร์มน้อย แล้วก็สเปิร์มมีการเคลื่อนไม่ปกติ โดยให้อาสาสมัครดื่มนมที่ผสมกับผงบดเมล็ดหมามุ่ยขนาด 5 กรัม วันละครั้ง ตรงเวลา 3 เดือนพบว่า ค่าความเข้มข้นของสเปิร์ม และก็การเคลื่อนไหวของสเปิร์มเยอะขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง รวมทั้งมีค่าเกือบเทียบเท่ากับอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งทำให้เห็นว่าเมล็ดหมามุ่ยมีประสิทธิภาพสำหรับการช่วยทำให้ปรุงประสิทธิภาพน้ำกามให้ดียิ่งขึ้นได้  แต่ก็เป็นที่น่าสนใจว่าเมื่อนำผงบดของเม็ดหมามุ่ยมาทดสอบในหนูแรทเพศเมีย กลับมีผลทำให้ความประพฤติปฏิบัติทางเพศมีลัษณะทิศทางน้อยลง กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีพฤติกรรมการจับคู่กับหนูเพศผู้ลดน้อยลง รวมทั้งไม่ยอมรับการรับการผสมพันธุ์จากหนูตัวผู้ (5) ทำให้เห็นว่าการกินเม็ดหมามุ่ยบางทีอาจได้ผลไม่เหมือนกันในระหว่างเพศชายและหญิง นอกจากนั้นสารสกัดที่ได้จากราก ลำต้น รวมทั้งเมล็ด มีฤทธิ์ลดความดันเลือดให้ลดลง มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด และช่วยรักษาโรคโรคเบาหวานรวมทั้งมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของต่อมลูกหมากได้

การศึกษาทางพิษวิทยาของหมามุ่ย

การศึกษาเล่าเรียนความเป็นพิษกะทันหันและก็กึ่งกะทันหันของของเมล็ดหมามุ่ย พบว่า เมื่อให้ผงเม็ดหมามุ่ยทางปากแก่หนูถีบจักรเพศผู้ พบว่าขนาดของผงเม็ดหมามุ่ยทางปากสัตว์ทดสอบตายครึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากยิ่งกว่า 1600 มิลลิกรัม/กก.(น้ำหนักตัว) และเมื่อให้ผงเม็ดหมามุ่ยทางปากกับกระต่ายจำนวน 10 ตัว ในขนาด 70 มิลลิกรัม/กก.(น้ำหนักตัว)/วัน ต่อเนื่องกันตรงเวลา 90 วัน ไม่พบความแตกต่างจากปกติที่แลเห็นด้วยตาเปล่าและค่าทางเลือดวิทยาอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเปรียบเทียบกับกระต่ายกรุ๊ปควบคุม ถึงแม้ว่าการเล่าเรียนความเป็นพิษกะทันหันแล้วก็ครึ่งรุนแรงของเม็ดหมามุ่ยจะไม่พบความผิดปกติในสัตว์ทดลอง แต่มีการเรียนความเป็นพิษต่อไตของเม็ดหมามุ่ยสายพันธุ์ M. pruriens var. utilis 2 จำพวกเป็นประเภทที่ยังมิได้ปรุงสุกเปรียบเทียบกับจำพวกที่ทำให้สุกโดยการต้มนาน 30 นาที ในหนูแรท โดยผสมในอาหารร้อยละ 10, 20 และ 50 เป็นเวลา 4 อาทิตย์ เทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับอาหารปกติพบว่าค่ายูเรีย (urea) แล้วก็ครีแอทินิน (creatinine) ในเลือดสูงมากขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุมและมากขึ้นตามปริมาณของเมล็ดหมามุ่ย นอกจากนั้นยังพบว่ากรุ๊ปที่ได้รับผงหมามุ่ยปรุงสุกมีค่ายูเรีย (urea) รวมทั้งครีแอทินิน (creatinine) ในเลือดต่ำลงมากยิ่งกว่ากลุ่มที่ได้รับผงดิบ ก็เลยบางทีอาจสรุปได้ว่าการบริโภคเม็ดหมามุ่ยอาจทำให้กำเนิดความเป็นพิษต่อไตโดยขึ้นกับขนาดที่นาดกิน แล้วก็ความเป็นพิษอาจลดลงเมื่อทำให้เม็ดหมามุ่ยสุก     

ข้อแนะนำ/ข้อควรระวังหมามุ่ย

ขนจากฝัก นำไปสู่อาการระคายที่ผิวหนังอย่างแรง ทำให้คันเป็นผื่นแดง ปวดและก็บวม  คำเตือน เด็ก สตรีมีครรภ์ คนไข้ที่เป็นโรคความดันเลือดสูง รวมทั้งผู้เจ็บป่วยทางจิตใจเวชไม่สมควรรับประทาน คนแพ้พืชตระกูลถั่วไม่ควรกิน เพราะเหตุว่าหมามุ่ยเป็นพืชตระกูลถั่วคนป่วยโรคหัวใจรวมทั้งระบบเส้นโลหิตหัวใจไม่ควรทาน เพราะว่าหมามุ่ยมีสารแอลโดขว้าง ซึ่งเป็นสารที่คนไข้โรคหัวใจแล้วก็เส้นเลือดควรจะหลีกเลี่ยงเนื่องมาจากจะทำให้ความดันเลือดต่ำลง ก่อให้เกิดอาการตาลายศีรษะและก็เป็นลมเป็นแล้ง นอกเหนือจากนี้ยังเป็นต้นเหตุทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอีกด้วย สารแอลโดขว้างจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเมลานินมากเพิ่มขึ้น และก็ทำให้อาการโรคโรคมะเร็งผิวหนังห่วยลงด้วยเหตุผลดังกล่าวคนป่วยโรคมะเร็งผิวหนังก็เลยไม่สมควรใช้เด็ดขาด แต่แม้คุณเคยเป็นโรคโรคมะเร็งหรือมีความผิดธรรมดาเกี่ยวกับผิวหนังก่อนใช้หมามุ่ยควรขอคำแนะนำแพทย์หรือผู้ชำนาญก่อน

เนื่องมาจากหมามุ่ยมีหลายสายพันธุ์ รวมถึงกระบวนการปรุงก็เป็นไปตามองค์ความรู้ของชนพื้นเมืองนั้นๆโดยเหตุนั้นจึงไม่สมควรเก็บหมามุ่ยมาบริโภคเองกระทั่งจะมีการรับรองความปลอดภัยของสายพันธ์ที่บริโภคและก็ส่งผลการศึกษาความเป็นพิษของหมามุ่ยที่กระจ่างแจ้งรวมทั้งน่าเชื่อถือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หญิงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรว่านชักมดลูก

สรรพคุณอันน่าทึ่ง 35 ประการของว่านชักมดลูก ขายว่านชักมดลูก มีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า กวาวเครือขาว และยังช่วยทำให้ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น  ...